วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Short story เรื่อง New Yorkers by O.Henry

แปลเรื่อง New Yorkers by O.Henry
The Christmas Present (ของขวัญวันคริสต์มาส)
                เหลือเงินทั้งหมดหนึ่งดอลลาร์แปดสิบเจ็ดเซ็น ทุกๆวันที่หล่อนไปซื้อของหล่อนจะประหยัดเงินสุดๆ โดยเธอจะเดินไปรอบๆร้านเพื่อที่จะเลือกเนื้อและผักราคาถูกที่สุด และเธอคนนั้นชื่อว่า เดลลาร์ เดลลาร์นับเงินทั้งหมดอีกครั้ง คือ หนึ่งดอลลาร์แปดสิบเจ็ดเซ็น เพื่อที่จะได้ไม่ผิดพลาด วันไปมาเป็นวันคริสต์มาส เธอได้นั่งลงและร้องไห้ เธอไม่สามารถจัดวันคริสต์มาสในห้องเล็กๆของเธอได้ เดลลาร์ได้อาศัยอยู่ในห้องเล็กๆในนิวยอร์กกับสามีของเธอที่ชื่อว่า เจมส์ ดิลลิงแฮม ยัง ในห้องนี้มีทุกๆอย่าง ทั้งห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ สามีของเธอทำงานมีรายได้เล็กน้อย และเดลลาร์พยายามหางานทำเพื่อช่วยสามีของเธอ แต่เธอยังคงตกงาน ตอนเธออยู่ที่ห้องเมื่อสามีเธอกลับมา เธอเรียกเขาว่า จิม และนวดให้เขาซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมาก
                เดลลาร์หยุดร้องไห้และไปล้างหน้า เธอได้เดินไปที่หน้าต่างและมองออกเห็นแมวสีเทาตัวหนึ่งบนถนนเกรย์ พรุ่งนี้วันคริสต์มาส เธอมีเพียงหนึ่งดอลลาร์แปดสิบเจ็ดเซ็น เพื่อที่จะหาซื้อของขวัญให้กับสามีเธอเพียงแค่จะซื้อของขวัญชิ้นเล็กๆเพื่อที่จะแสดงความรักต่อจิม ทันใดนั้นเดลลาร์ได้วิ่งไปหยิบแก้วใบหนึ่งที่อยู่บนกำแพง เธอได้มองหาๆสิ่งๆหนึ่ง และพบกับนาฬิกาทองของจิมที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นคุณปู่มาสู่พ่อของจิมและจิมก็ได้รับมันมา และสิ่งของพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ เส้นผมของเธอ เดลลาร์ได้ปล่อยผมของเธอลงมากลางหลัง เธอได้รวบเก็บผมของตัวเธออย่างรวดเร็ว วิ่งไปที่บันไดและออกไปที่ถนนเพื่อจะไปที่ร้านแห่งหนึ่ง เมื่อเธอเดินไปยืนหน้าร้านเสริมสวยของมาดามเอลลอซ รูปร่างอ้วนๆ และเดลลาร์ถอดหมวกดูผมของเธอหน่อย และมาดามตอบว่าตกลงฉันจะซื้อผมของคุณ มาดามบอกว่าเป็นผมสีน้ำตาลที่สวยมาก เดลลาร์เสนอราคายี่สิบดอลลาร์ มาดามบอกว่าตกลง และเดลลาร์บอกว่ารีบเอาผมฉันไปและให้เงินมา

                สองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเดลลาร์ได้รับเงิน เธอมีความสุขมากและเธอกำลังมองหาร้านที่จะซื้อของขวัญให้กับจิม และทันใดนั้นเธอได้เห็นร้านขายสายนาฬิกาทอง ซึ่งน่าจะเหมาะกับนาฬิกาทองของจิมเพราะจิมรักมันมาก แต่ยังไม่มีสาย เธอจะซื้อมันให้กับจิมที่ร้านขายมันให้กับเธอในราคายี่สิบเอ็ดดอลลาร์ หลัจากนั้นหล่อนได้กลับบ้านพร้อมสายนาฬิกากับเงินแปดสิบเจ็ดเซ็นต์ เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นผมทั้งหยิกและยุ่งมากเหมือนเด็กนักเรียน จิมจะว่าอะไรเธอมั้ย เธอกำลังกระวนกระวาย
                ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เธอจะทานอาหารเย็นกับจิมขอนหนึ่งทุ่ม และเธอกำลังคิดอยู่ว่า ขอให้จิมชื่นชมว่าเธอสวย ประตูบ้านเปิดขึ้นและจิมได้เดินเข้ามาในบ้านจิมดูโทรมในชุดทำงานเก่าๆ และเขาต้องการซื้อชุดใหม่ เขามองเดลลาร์ด้วยสายตาแปลกๆ เดลลาร์ไม่ชอบสีหน้าของเขาเลย เธอรู้สึกกลัวๆ แต่จิมไม่ได้โกรธเดลลาร์แค่เขามองใบหน้าที่แปลกไปของเดลลาร์ เธอได้วิ่งเข้าไปร้องไห้กับเขา เธอบอกว่าอย่ามองฉันแบบนี้สิ ฉันได้ขายผมของฉันเพื่อซื้อของขวัณให้กับคุณ ไม่เป็นเดี๋ยวผมยาวใหม่ เธอพูดว่า สุขสันต์วัน คริสต์มาสจิม เธอมีของขวัญที่พิเศษมาให้จิมด้วย และขณะนั้นจิมถามเดลลาร์ว่าคุณจะไม่ผมน้อยลงใช่มั้ย และเธอชวนจิมไปทานข้าวเย็น จิมได้มอบของบางอย่างให้กับเดลลาร์และวางมันลงบนโต๊ะ เขาได้บอกรักเดลลาร์ ไม่ว่าผมของคุณจะสั้นหรือยาว คุณเปิดมันดูสิ เดลลาร์บอกว่า น่าตื่นเต้นจัง เธอได้เปิดของขวัญดู เธอกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นมัน และมันคือหวีที่สวยมาก เธอชอบมันมากเพราะผมเธอสั้น หวียังทั้งสวยและแพง เดลลาร์ได้เก็บหวีนั้นไว้ จะใช้ตอนผมเธอยาว และทันใดนั้นเธอเดินไปหยิลของขวัญให้จิม จิมเห็นของขวัญของเธอและอึ่งมาก และบอกเดลลาร์ว่า ผมได้ขายนาฬิกาเพื่อซื้อหวีให้กับคุณ เราทานข้าวเย็นกันเถอะ
เดลล่าหยิบมันขึ้นมา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก แต่ผมของฉันจะยาวขึ้นในไม่นานนะจิมแล้วเธอก็กระโดดไปมาพร้อมทั้งร้องไห้ เธอวิ่งไปเอาของขวัญอันสวยงามมาให้จิมและถือมันไปที่เขา มันไม่น่ารักเลยใช่มั้ย จิม ฉันไปหาซื้อมันทุๆที่เลยนะ ตอนนี้ฉันได้มองหานาฬิกาของคุณเป็นร้อยครั้งแล้วนะ ส่งนาฬิกาคุณมาให้ฉันจิม ดูมันกับสายนาฬิกาอันใหม่สิแต่จิมก็ไม่ได้หยิบมันออกมา เขานั่งลงวางมือทั้งสองไว้ด้านหลังศีรษะและก็ยิ้ม เดลล่าเขาพูด  ขอให้เราได้เก็บไว้สักพักมันจะดีมากเลยนะ ผมได้ขายนาฬิกาเพื่อนำเงินไปซื้อหวีมาให้คุณ เราไปทานข้าวกันเถอะและนี่คือเรื่องราวของคนหนุ่มทั้งสองที่รักกันมาก




Soapy’s Choice (ตัวเลือกของโซฟฟี่)
                โซฟฟี่นั่งบนเก้าอี้ในสนามกีฬาเมดดิสัน สแควร์ที่นิวยอร์กและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ใบไม้ที่เหยี่ยวได้ร่วงลงบนแขนของเขา ฤดูหนาวกำลังมาและโซฟฟี่รู้ว่าเขาต้องวางแผนไว้ เขาได้ย้ายไปที่เก้าอี้ที่นั่งแล้วไม่มีความสุขเลย เขาต้องการให้สามเดือนนั่นดีที่สุด มีคุกที่อบอุ่นกับอาหารและเพื่อนที่ดี นี้คือวิธีการเขามักจะใช้เวลาในทุกๆช่วงฤดูหนาว และตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้ว เพราะคืนนี้บนเก้าอี้ของเขาในห้องสี่เหลี่ยมกับหนังสือพิมพ์สามเล่มคงไม่เพียงพอในหน้าหนาวนี้ ดังนั้นโซฟฟี่จึงตัดสินใจที่จะไปที่คุก และเขาได้พยายามวางแผนแรกได้รวดเร็ว มันง่ายมาก เขาไปกินอาหารเย็นในร้านภัตตาคารที่แพงที่สุด และหลังจากนั้นเขาก็ไปบอกว่าเขาไม่เงินจ่ายและพวกเขาก็ได้โทรเรียกตำรวจ มันเยี่ยมและง่ายมากไม่มีปัญหาเลย
                ดังนั้นโซฟฟี่ลุกจากที่นั่งไปและเดินอย่างช้าๆไปบนถนน ในไม่ช้าเขาก็จะเข้าไปในร้านอาหารที่บรอดเวย์ เขาจะเข้าไปที่โต๊ะและนั่งลง ทั้งหมดนั่น เพราะว่าเมื่อเขาได้นั่งลง ทุกคนก็ได้เห็นเสื้อของเขาที่มันไม่ได้เก่ามาก แต่ไม่มีใครเห็นกางเกงเก่าๆของเขา เขาคิดเกี่ยวกับอาหาร มันไม่แพงมากแต่ดี แต่เมื่อโซฟฟี่เข้าไปในร้านอาหาร เด็กเสิร์ฟเห็นกางเกงที่สกปรกและเก่าของโซฟฟี่กับรองเท้าขาดๆ พวกเขาได้จับเซฟฟี่โยนออกไปที่ถนนอีกครั้ง
                ดังนั้นตอนนี้เซฟฟี่ต้องคิดทำบางสิ่งบางอย่าง เขาเดินออกมาจากบรอดเวย์และพบว่าตัวเองอยู่บนถนนที่6 เขาหยุดอยู่ด้านหน้ากระจกร้านค้าและมองมัน มันเยี่ยมเลย และทุกคนบนถนนเห็นเขา เขาหยิบก้อนหินอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวังและปามันมันเข้าไปที่กระจกหน้าร้าน กระจกแตกอย่างดัง คนอื่นๆได้วิ่งไปดูที่จุดเกิดเหตุและโซฟฟี่มีความสุข เพราะว่าผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าร้านคือตำรวจ โซลฟี่ไม่ขยับไปไหนเลย เขายืนที่นั่นพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋า เขาได้ยิ้ม ผมจะได้เข้าคุกแล้วเขาคิด
                ตำรวจเดินมาที่โซฟฟี่และถามว่า ใครทำ” “ผมทำเองโซฟฟี่ตอบ แต่ตำรวจรู้ว่าคนที่ทำกระจกแตกคงไม่มายืนพูดคุยกับตำรวจอย่างนี้หรอก และตำรวจได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งไปจะไปขึ้นรสบัส ดังนั้นตำรวจจึงวิ่งตามผู้ชายคนนั้นไป โซฟฟี่ถูกมองเพียงชั่วครู่ และเขาก็เดินออกไป ไม่โชคดีอีกแน่เขาเริ่มรู้สึกโกรธ
                เขามองเห็นร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามของถนน อืม ร้านนั้นใช่เลยเขาคิดและเขาจะเข้าไปในที่นั่น ในตอนนี้ไม่มีใครมองมาที่กางเกงและรองเท้าของเขา เขาพอใจกับอาหารและเขาได้มองหาเด็กเสิร์ฟ ยิ้มและถามว่า ผมไม่มีเงินจ่ายคุณรู้มั้ย โทรหาตำรวจเลยสิ” “ไม่มีตำรวจสำหรับคุณหรอกเด็กเสิร์ฟตอบ นี่ โจเด็กเสิร์ฟอีกคนเดินเข้ามา และรวมกันจับโซฟฟี่
โยนออกไปบนถนนที่หนาวเย็น โซฟฟี่ได้นอนที่นั่นด้วยความหิวมากๆ มันยากมากที่เขาจะยืนขึ้น คุกที่อุ่นๆมันอยู่ไกลจากเขามากและเขาก็ไม่มีความสุขเลย เขารู้สึกแย่มากตอนที่ตำรวจยืนอยู่ใกล้ๆ ได้หัวเราะแล้วเดินออกไป
                โซฟฟี่เดินไปเรื่อยๆจนนานมากหลังจากนั้นเขาก็พยายามอีกครั้ง เวลานี้มันดูง่ายมาก ผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่หน้าร้านค้า ซึ่งไม่ได้ไกลจากตำรวจมาก โซฟฟี่ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ผู้หญิงคนนั้น เขาเห็นว่าตำรวจกำลังมองมาที่เขา และนั่นโซฟฟี่ได้เข้าไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยรอยยิ้ม ทำไมคุณไม่เข้ามาหาผมที่รักผมจะมอบเวลาที่ดีให้กับคุณ ผู้หญิงคนนั้นถอยหลังไปนิดหน่อยและมองผ่านกระจกร้านค้าอย่างระมัดระวัง โซฟฟี่มองไปที่ตำรวจ ใช่ตำรวจก็ยังมองอยู่ และเขาก็เข้าไปคุยกับเธออีกครั้ง และหลังจากนั้นเธอก็ได้เรียกตำรวจ โซฟฟี่เห็นภาพประตูคุกเปิดออก ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นจับแขนของเขา โอเคเธอตอบอย่างมีความสุข ถ้าคุณจะมาซื้อเหล้าฉัน เชิญดูนั่นก่อนว่าตำรวจกำลังมองเราอยู่และโซฟฟี่เดินไปกับผู้หญิงคนนั้นคนที่จับแขนของเขา ทันใดนั้นเขาก็กลัว ผมไม่เคยถูกจับเข้าคุกเขาคิด
                เขาเดินไปอย่างช้าๆและได้มาถึงถนนที่เต็มไปด้วยโรงภาพยนตร์ ที่นั่นมีผู้คนมากมาย พวกเขาทั้งรวยสวมใส่เสื้อผ้าดีๆ โซฟฟี่ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะเข้าคุกให้ได้ เขาไม่ต้องการกลับไปนอนบนเก้าอี้ในสนามกีฬาเมดดิสันสแควร์ เขาคิดที่จะทำอะไร นั่นเขาได้เห็นตำรวจคนหนึ่งอยู่ใกล้ๆเขา ดังนั้นเขาเริ่มร้องเพลงตะโกนดังขึ้นเรื่อยๆ เวลานี้เขาต้องการส่งตัวเองเข้าไปอยู่ในคุก แต่ตำรวจคนนั่นเดินไปข้างหลังโซฟฟี่และพูดกับผู้ชายคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาคงดื่มมากเกินไป แต่เขาก็ไม่เป็นอันตรายคืนนี้พวกเราทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวเถอะตำรวจพวกนี้เป็นอะไรกันหมดตอนนี้โซฟฟี่ไม่มีความสุขจริงๆ เขาได้หยุดร้องเพลงเสียงดังแล้ว ทำอย่างไรเขาจึงจะเข้าคุกได้ ลมหนาวตอนนี้มาแล้ว เขาดึงเสื้อคลุมบางๆรอบๆตัวมาคลุม
                แต่ ในร้านค้านั้นเขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งกับร่มที่ดูแพง ผู้ชายคนนั้นได้วางร่มไว้ข้างๆประตูและหยิบบุหรี่ออกมา โซฟฟี่เดินเข้าไปในร้าน ค่อยๆหยิบร่มอย่างช้าๆและเดินออกไป ผู้ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว นั่นมันร่มผมนะ เขาพูด โอ้ จริงเหรอโซฟฟี่ตอบกลับ ทำไมคุณไม่เรียกตำรวจมาล่ะ ผมเป็นคนขโมยมัน และคุณบอกว่านั่นเป็นร่มของคุณ ไปเรียกตำรวจมาสิ ผู้ชายเจ้าของร่มดูไม่มีความสุข คุณรู้ว่า ผมเข้าใจผิด ผมไปเอาร่มนี้มาจากร้านอาหารเมื่อเช้านี้ ถ้ามันเป็นของคุณ ผมต้องขอโทษด้วย” “แน่นอน มันคือร่มของผมโซฟฟี่พูด ตำรวจได้มองมาที่พวกเรา และผู้ชายเจ้าของร่มเดินจากไป ตำรวจคนนั้นไปช่วยเด็กผู้หญิงน่ารักเดินข้ามถนน
                โซฟฟี่ตอนนี้รู้สึกโกรธมาก เขากว้างร่มออกไปและพูดว่าตำรวจไม่ดีเลย นั่นก็เพราะเขาต้องการเข้าคุก แต่ตำรวจไม่ได้จับเขาเข้าคุกเลย เขาควรทำผิดแค่ไหน เขาเดินกลับไปที่เมดดิสันสแควร์และบ้านเก้าอี้ของเขา
                แต่ในมุมที่เงียบสงบ โซฟฟี่ได้หยุดอย่างทันที ที่ใจกลางเมืองซึ่งมีโบสถ์เก่าแก่ที่สวยงาม มองผ่านกระจกหน้าต่างสีม่วงที่เขาจะเห็นแสงไฟอ่อนๆ และเสียงเพลงอันไพเราะที่มาจากในโบสถ์ ดวงจันทร์อยู่สูงบนท้องฟ้าและทุกสิ่งเงียบสงบ ไม่กี่วินาทีมันก็เหมือนโบสถ์ของประเทศและโซฟฟี่จำสิ่งต่างๆในวันที่มีความสุข แม้ว่าเขาในวันที่ผ่านมาตอนที่เขามีแม่เพื่อนและทุกสิ่งทุกอย่างที่สวยงามในชีวิตของเขา และนั่นเขาได้คิดเกี่ยวกับชีวิตของเขาตอนนี้ เป็นวันที่ว่างเปล่า มีการวางแผนที่จะตาย และนั่นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้น โซฟฟี่ตัดสินใจเพื่อเปลี่ยนชีวิตของเขา ผมเข้าไปในเมืองและหางานทำ ผมจะต้องมีชีวิตที่ดีอีกครั้ง ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไปโซฟฟี่รู้สึกว่ามีมือบนแขนของเขา เขากระโดและมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว
 คุณมาทำอะไรที่นี่ตำรวจถาม
 เปล่าๆโซฟฟี่ตอบ
 มานี่กับผมตำรวจพูด
เข้าไปอยู่ในคุกสามเดือนเขาบอกโซฟฟี่ในวันต่อมา



A Walk in America (เดินในอเมริกา)
                เช้าแล้วนะที่รักและผมก็จะบอกลาก่อนเป็นปกติทุกวัน เธอลุกออกมาเตรียมกาแฟและตามผมมาที่ประตู เธอทำแบบนี้ทุกๆเช้า เธอจะดูเสื้อ ผม สิ่งที่ผมลืมทำ และเธอบอกเป็นห่วงผม เธอมักจะทำแบบนี้ทุกวัน เมื่อผมกลับมาและปิดประตูบ้านและเธอก็เอาน้ำมาให้
                ผมเป็นทนายความและทำงานอย่างหนัก เพื่อนของผมคือ หมอวอลนีย์บอกผมว่าอย่าหักโหมงานมาก คุณจะไม่สบายนะเขาพูด หลายๆคนที่เหนื่อยจากการทำงานหนัก และมักจะลืมว่าเขาเป็นใคร พวกเขาไม่สามารถจำทุกๆอย่างได้ เรียกว่า โรคความจำเสื่อม คุณต้องพักผ่อนบ้าง
                “แต่ ผมก็พักผ่อนนะ” ผมตอบ “วันพฤหัสบดีกลางคืนภรรยาของผมและผมเล่นไพ่กัน และวันอาทิตย์เธออ่านหนังสือและจดหมายจากแม่ของเธอให้ผมฟัง”
                ตอนเช้าวันนั้น เมื่อผมจะไปทำงาน ผมนึกถึงคำพูดของหมอวอลนีย์ ผมรู้สึกสบายมากและพอใจกับชีวิต เมื่อผมตื่นนอน ตอนอยู่บนรถไฟและกำลังรู้สึกไม่สบายหลังจากการนอนหลับที่ยาวนาน ผมได้นั่งเอาหลังพิงเบาะและพยายามจะคิด หลังจากคิดเป็นเวลานาน ผมพูดกับตัวเองว่า ผมต้องมีชื่อผมมองในกระเป๋าตังของตัวเอง ไม่มีจดหมาย ไม่มีกระดาษ ไม่มีอะไรที่เขียนชื่อผม แต่ผมพบเงินสามพันดอลลาร์ “ผมต้องหาบางคน” ผมคิด
                บนรถไฟแออัดไปด้วยผู้คนที่เป็นมิตร มีคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างผม “สวัสดี ผมชื่อ อาร์ พี บอลเดอร์ และนี่ลูกชายมาจากมิสซูรี่ คุณกำลังจะไปประชุมในนิวยอร์ก ใช่ไหม แล้วคุณชื่ออะไรเหรอ ” ผมต้องตอบเขา ผมบอกอย่างเร็วว่า “เฮ็ดวาร์ด พิงค์เฮมเมอร์ จากโคโนโปลิช,รัฐแคนซัส” เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ แต่ทุกๆ 2-3 นาทีเขาจะเงยหน้าจากมัน เพื่อพูดกับผมผมเข้าใจกับการพูดของเขาว่าเขาเป็นคนขายยาและผมคิดว่าผมก็เป็นคนขายยาด้วย
“คุณเป็นคนขายยาเหรอ” ผมถาม
“ใช่ๆ” เขาตอบ “พวกเราเหมือนกันเลย พวกเขาทั้งหมดกำลังจะไปประชุมในนิวยอร์กปีหน้า”
                หลังจากนั้น เขาก็ส่งหนังสือพิมพ์มาให้ผม “ดูนี่สิ” เขาพูด “ที่นี่เป็นอีกที่เต็มไปด้วยผู้คน ผู้ซึ่งหนีไปและพูดว่าพวกเราลืมว่าเราเป็นใคร ผู้ชายคนหนึ่งพยายามที่จะรับธุรกิจและครอบครัวของเขา เขาต้องการจะมีเวลาที่ดี เขาไปให้พ้นจากที่ไหนสักแห่งและเมื่อไหร่ที่พวกเขามองหาตัวเอง เขาจะพูดว่าเขาไม่รู้ว่าเขาคือใคร และคือเขาไม่สามารถจำทุกอย่างได้” ผมได้เอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน
เดนเวอร์,วันที่ 12 มิถุนายน
วิ่น ซี เบลล์ฟอร์ด เป็นทนายความที่สำคัญในเมือง ออกจากบ้านเมื่อสามวันที่แล้วและยังไม่กลับมา ก่อนที่เขาจะออกไป เขาถอนเงินออกไปจากธนาคาร ไม่มีใครเห็นเขาตั้งแต่วันนั้น เขาเป็นคนเงียบที่สนุกกับงานและเป็นคนที่มีความสุขตอนแต่งงาน แต่คุณเบลล์ฟอร์ดทำงานหนักและเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นโรคความจำเสื่อม “แต่บางครั้งเขาก็ไม่ลืมว่าเป็นมิสเตอร์บอลเดอร์” ผมพูด
“มานี่หน่อย” คุณบอลเดอร์ตอบ “มันไม่จริง คุณก็รู้ ผู้ชายคนนั้นต้องการบางสิ่งที่ตื่นเต้นกว่าการใช้ชีวิต บางทีผู้หญิงคนอื่นๆ บางคนไม่เหมือนกัน
                พวกเรามาถึงนิวยอร์กเวลาสี่ทุ่ม ผมขึ้นแท็กซี่ไปยังโรงแรมและเขียนชื่อตัวเอง “เอ็ดวาร์ด พิงก์เฮมเมอร์” ในเอกสารของโรงแรม ทันใดนั้นผมรู้สึกคึกและมีความสุข ผมเป็นอิสระ ผู้ชายคนหนึ่งที่ปราศจากชื่อสามารถทำได้ทุกสิ่ง เด็กหนุ่มผู้ชายที่ยืนอยู่หลังโต๊ะที่โรงแรมมองเขาแปลกๆ เขาไม่มกระเป๋าใส่ผ้า “ผมอยู่นี่เพื่อขายยา” ผมพูด “กระเป๋าเสื้อผ้าผมหายไป” ผมเอาเงินออกและยื่นให้เขา 
วันต่อมาผมเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบหนึ่งและเสื้อผ้าบางตัว เพื่อที่จะเริ่มใช้ชีวิตกับชื่อ เอ็ดวาร์ด พิงก์เฮมเมอร์ ผมไม่พยายามนึกว่าผมเป็นใคร สองสามวันต่อมาในแมนฮัตตันเป็นที่เยี่ยมมาก มีทั้งโรงภาพยนตร์ สวนสาธารณะ ดนตรี ร้านอาหาร ชีวิตกลางคืน สาวๆที่สวยๆ ระหว่างนั้นผมเรียนรู้สิ่งที่สำคัญ คือถ้าคุณอยากมีความสุขคุณต้องอิสระ
บางครั้งผมไปร้านอาหารที่เงียบและแพง ที่มีดนตรีคลอเบาๆ บางครั้งผมล่องเรือในแม่น้ำที่เต็มไปด้วยชายหนุ่มและหญิงสาว และที่นั่นคือบรอดเวย์ กับโรงภาพยนตร์ที่ไฟสว่างมาก
ตอนบ่ายวันหนึ่งขณะที่ผมได้กลับไปที่โรงแรมมีผู้ชายท้วมๆคนหนึ่งเข้ามายืนด้านหน้าของผม "สวัสดี คุณเบลฟอร์ด" เขาพูดดังมาก "คุณเป็นอย่างไรบ้างที่นิวยอร์ก คุณมากับคุณนายบีเหรอ" "ขอโทษนะ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ" ผมพูด "ขอโทษด้วยนะ ผมชื่อพิงค์แฮมเมอร์" และผู้ชายคนนั้นหลบออกไปอย่างประหลาดใจ และผมก็ได้เดินไปที่โต๊ะ หลังจากนั่น ผู้ชายคนนั้นไปพูดบางอย่างผ่านโทรศัพท์
   'ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ' ผมพูดกับผู้ชายคนที่ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ 'และนำกระเป๋าของผมลงมาภายในครึ่งชั่วโมงละช่วงบ่ายวันนั้นผมย้ายจากโรงแรมไปอย่างเงียบๆไปที่ถนนที่ห้า และต่อมาในร้านอาหารที่ผมชอบแห่งหนึ่งบนบรอดเวย์ ขณะที่ผมกำลังจะไปนั่งที่โต๊ะได้มีบางคนดึงมือผมไว้ 'คุณเบลฟอร์ด' เสียงหวานเรียกขึ้น ผมหันกลับไปดูอย่างรวดเร็วพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่เพียงลำพัง เธออายุประมาณสามสิบปีและเธอก็มีดวงตาที่สวยมาก 'คุณเดินผ่านฉันไปได้อย่างไรกัน' เธอพูด 'คุณไม่รู้จักฉันเหรอ' ผมได้นั่งลงที่โต๊ะเดียวกับเธอ เธอมีผมสีแดงสวยมาก 'คุณแน่ใจเหรอว่าเรารู้จักกัน' ผมถาม 'ไม่ค่ะ' เธอยิ้ม 'ฉันไม่เคยรู้จักคุณเลย' 'ผมชื่อ เอ็ดเวิร์ด พิ้งค์แฮมเมอร์' ผมพูด 'และมาจากรัฐแคนซัส' 'คุณไม่ได้มากับคุณนายเบลฟอร์ดเหรอ' เธอถาม และหัวเราะ 'ห้าสิบปีผ่านไป คุณไม่เปลี่ยนเลยนะ' เธอมีสายตาที่พิเศษเมื่อมองผม 'เปล่าค่ะ' เธอพูดเบาๆ 'คุณไม่ต้องแกล้งลืม คือฉันจะบอกว่าคุณไม่เคยลืม' 'ขอโทษนะ' ผมตอบ 'แต่ว่าผมลืมทุกอย่างหมดแล้วจริงๆ' เธอหัวเราะ 'คุณจำได้ไหมว่าฉันเคยแต่งงานกับคุณและอยู่ได้หกเดือน และเป็นข่าวลงในหนังสือพิมพ์ด้วย' หล่อนเงียบไปชั่วขณะ และมองหน้าผมอีกครั้ง 'บอกฉันมาสักอย่างสิคุณ' เธอพูดอย่างนุ่มนวล 'ตั้งแต่คืนนั้นสิบห้าปีผ่านมา ที่คุณได้สัมผัส ได้ดม และได้มองกุหลาบสีขาว คุณไม่เคยคิดถึงเรื่องของเราเลยใช่มั้ย'
'ผมพูดได้เพียงว่าจำทุกอย่างไม่ได้เลย' ผมพูดอย่างระวัง 'ผมขอโทษนะ' ผมพยายามมองไปที่เธอ เธอลุกขึ้นและจับมือผมไว้ 'นั่นไง คุณจำได้' เธอพูดอย่างหวาน และยิ้มแบบเศร้าๆ 'ลาก่อนค่ะ คุณเบลฟอร์ด'
คืนนั้นผมเดินไปที่โรงหนังและเมื่อผมกลับมาที่โรงแรม มีผู้ชายชุดดำยืนรอผมอยู่ คุณพิงค์แฮมเมอร์เขาพูด คุณมีเวลาคุยกับผมที่ห้องนั่นสักครู่ไหมผมได้เดินตามเข้าไปที่ห้องเล็กๆ มีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคนอยู่ในนั่น ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก แต่ใบหน้าของเธอดูเศร้าและเหนื่อย ผมชอบทุกๆอย่างที่เป็นเธอ และผู้ชายคนนั่นอายุราวๆ สี่สิบปี เขาได้เดินมาหาผม คุณเบลฟอร์ดเขาพูด ผมดีใจมากที่ได้เจอคุณอีกครั้ง ผมบอกคุณว่า คุณทำงานหนักมาก ตอนนี้คุณกลับบ้านไปกับพวกเรานะ คุณจะได้รับการรักษาเร็วๆนี้’ ‘ผมชื่อ ผมพูด เอ็ดเวิร์ด พิงค์แฮมเมอร์ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนในชีวิต
 ผู้หญิงคนนั้นได้ร้องออกมาว่า โถ่ คุณแอลวินน์ ฉันคือภรรยาของคุณเธอกอดผมเอาไว้ แต่ผมได้ผลักเธอออกไป หมอวอลนีย์ เกิดอะไรขึ้นกับเขาเธอร้องไห้ คุณกลับห้องไปก่อนเถอะหมอพูดกับเธอ เขาจะหายในเร็วๆนี้
ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไป แฃะผมได้อยู่กับหมอวอลนีย์ เขาเดินไปรอบๆตัวผม ฟังนะ คุณชื่อไม่ใช่เอ็ดเวิร์ด พิงค์แฮมเมอร์ ’ ‘คุณรู้เหรอผมตอบ แต่เขาต้องมีชื่อ ทำไมไม่เป็นพิงค์แฮมเมอร์’ ‘ชื่อของคุณหมอพูด คือแอลวินน์ เบลฟอร์ด คุณเป็นทนายที่มีดีในเดนเวอร์ และผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาของคุณ’ ‘เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามมากเขาพูด หลังจากนั้นต่อมา ผมชอบสีผมของเธอ’ ‘เธอเป็นภรรยาที่ดีมากหมอตอบ ตอนคุณออกจากบ้านมาได้สองอาทิตย์ เธอทุกข์ใจมาก ก่อนที่พวกเราจะได้รับโทรศัพท์จากผู้ชายที่เห็นคุณอยู่ในโรงแรมนี้’ ‘ผมคิดว่า ผมจำเขาได้ผมพูด เขาเรียกผมว่า เบลฟอร์ดขอโทษน่ะครับใช่คุณรึเปล่า’ ‘และผมคือบ๊อบบี้ วอลนีย์ ผมเคยเป็นเพื่อนกับคุณมายี่สิบปีแล้ว และเป็นหมอของคุณมาห้าสิบกว่าปี นึกออกไหมคุณเอลวินน์’ ‘คุณบอกว่าคุณคือหมอของผมผมพูด ผมจะหายดีจากโรคความจำเสื่อมได้อย่างไร ’ ‘บางทีต้องใช้เวลา บางทีก็หายได้เร็ว’ ‘คุณจะผมใช่ไหม หมอวอลนีย์ผมถาม โธ่เพื่อนเขาพูด ฉันจะทำทุกวิถีทาง’ ‘ดีเลย ถ้าคุณเป็นหมอของผม คุณอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ’ ‘แน่นอนหมอวอลนีย์ตอบ ผมยืนขึ้น เห็นดอกกุหลาบสีขาววางอยู่ที่โต๊ะ ผมเดินไปที่โต๊ะนั้นและหยิบมันขว้างออกไปทางหน้าต่าง และผมได้นั่งลงอีกครั้ง
ผมคิดว่า มันจะต้องดีขึ้นนะบ๊อบบี้ผมพูด จะดีขึ้นในเร็วๆนี้แน่ ผมจะพยายามนึกเรื่องทั้งหมดด้วย ไปตามคุณมาเรียนภรรยาของผมมาหน่อย แต่เดี๋ยวก่อนหมอผมพูดและยิ้มออกมา มันดีมากเลยเพื่อน




Tildy’s Moment (ความรู้สึกของทิลดี้)
ร้านอาหารของตระกูลบูเกิ้ลบนถนนที่แปด ซึ่งมันไม่ใช่ร้านที่มีชื่อเสียง แต่ถ้าคุณต้องการมื้ออาหารที่ราคาถูก ร้านบูเกิ้ลเป็นที่เหมาะสำหรับคุณ ร้านนั้นมีเพียงสิบสองโต๊ะ แต่ละแถวมีหกโต๊ะ บูเกิ้ลเจ้าของร้านได้นั่งลงที่โต๊ะข้างประตูและนับเงิน ที่นั่นมีพนักงานเสิร์ฟสองคนและหนึ่งเสียง และเสียงนั้นก็มาจากในครัว
ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวของผม หนึ่งในพนักงานเสิร์ฟถูกเรียกว่าไอลีน เธอสูง สวยและดูมีชีวิตชีวา และพนักงานเสิร์ฟอีกคนชื่อว่าทิลดี้ เธอเตี้ย อ้วนและขี้เหร่
ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านเราเป้นผู้ชายและชอบไอลีน พวกเขามีความสุขที่ได้รออาหารของเขานานๆเพราะว่าพวกเขาต้องการจะดูไอลีน ไอลีนรู้ว่าจะต้องพูดกับคนทั้งสิบสองโต๊ะพร้อมกับทำงานไปด้วยในเวลาเดียวกันได้อย่างไร และผู้ชายทุกคนต้องการพาไอลีนไปเต้นและให้รางวัลกับเธอ ผู้ชายคนหนึ่งให้แหวนทองกับเธอและผู้ชายอีกคนให้สุนัขตัวเล็กๆกับเธอ
แล้วยัยขี้เหร่ทิลดี้ละ
ขณะที่ร้านกำลังยุ่ง และในร้านเสียงดัง สายตาของผู้ชายทุกคนไม่ได้มองและพูดกับทิลดี้เลย ไม่มีใครชวนเธอไปเต้นรำและไม่มีใครให้องขวัญกับเธอ เธอเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ดีแต่เธอถูกยืนข้างโต๊ะเฉยๆ ผู้ชายเหล่านั้นมองผ่านเธอไปเพื่อไปมองไอลีน
แต่ทิลดี้มีความสุขกับการทำงานแบบนี้ เธอมีความสุขที่ผู้ชายทุกคนมองและชอบไอลีน เธอเป็นเพื่อนกับไอลีน แต่ลึกๆข้างใน เธอก็ต้องการให้ผู้ชายมารักเธอบ้างเหมือนกัน
ทิลดี้ฟังทุกๆเรื่องราวของไอลีน วันหนึ่งไอลีนกลับมาด้วยดวงตาสีดำช้ำ ผู้ชายคนหนึ่งต่อยเธอเพราะว่าเธอไม่ต้องการจูบเขา มันแปลกตรงไหนที่ตาฉันช้ำเพราะความรักทิลดี้คิด
ผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในร้านบูเกิ้ลยังหนุ่มซึ่งถูกเรียกว่าซีดเดอร์ เขาผอม ตัวเล็กแฃะทำงานในออฟฟิต เขารู้ว่าไอลีนไม่สนใจเขา ดังนั้นเขาก็ไปนั่งที่โต๊ะของทิลดี้ เขาไม่พูดอะไรและสั่งปลามากิน
วันหนึ่งเมื่อคุณซีดเดอร์มากินอาหารที่ร้านบูเกิ้ล เขาสั่งเบียร์ดืมเยอะมาก เมื่อเขากินปลาเสร็จ เขาลุกขึ้นไปกอดทิลดี้ และจูบเธอเสียงดัง แล้วก็เดินออกไปจากร้าน
สองวินาทีต่อมาทิลดี้ที่ยืนอยู่ที่โต๊ะ ไอลีนเดินไปพูดกับทิลดี้ ทิลดี้ ทำไมเธอทำเรื่องแย่ๆอย่างนี้ ฉันจะจับตาดูเธอ เพราะไม่อยากเสียผู้ชายเหล่านี้ไปให้เธอ
ทันใดนั้นโลกของทิลดี้ก็เปลี่ยนไป เธอเข้าใจแล้วว่าผู้ชายควรจะชอบและต้องการฉันมากกว่าไอลีน ทิลดี้ควรจะรักตัวเองด้วย ดวงตาของเธอโตขึ้นและใบหน้าของเธอก็แดง เธอต้องการจะบอกความลับกับทุกๆคน เมื่อร้านอาหารเริ่มเงียบ เธอเดินไปยืนที่โต๊ะของบูเกิ้ล
คุณรู้ไหมว่ามีผู้ชายคนหนึ่งในร้านนี้ทำอะไรกับฉันเธอพูด เขากอดและหอมแก้มฉันด้วย
จริงเหรอบูเกิ้ลตอบ นี่มันดีสำหรับธุรกิจ อาทิตย์ หน้าคุณจะได้รับเงินหนึ่งดอลลาร์และหลังจากนั้นในตอนกลางคืน ที่ร้านอาหารเริ่มยุ่งขึ้นอีกครั้ง ทิลดี้วางอาหารลงบนโต๊ะและพูดอย่างเบาๆว่า คุณรู้มั้ยว่าผู้ชายในร้านอาหารเขาทำอะไรฉันในวันนี้ เขากอดและหอมแก้มฉันบางคนก็ประหลาดใจกับเรื่องที่เขาเล่าสุดยอดผู้ชายทุกคนเริ่มยิ้มและพูดกับเธอ ทิลดี้มีความสุขมาก ในชีวิตที่หม่นหมองได้มีความรักเกิดขึ้นมากับเธอ
สองวันผ่านไปคุณซีดเดอร์ยังไม่กลับมาร้าน และในตอนนี้ทิลดี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เธอสวมชุดที่สดใส ทำทรงผมใหม่และเธอดูผอมลง ตอนนี้เธอได้เป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัวเพราะว่ามีบางคนรักเธอ เธอรู้สึกตื่นเต้นและกลัวนิดๆ ถ้าคุณซีดเดอร์มาเขาจะมาทำอะไรนะ
ตอนสี่โมงเย็นของวันที่สาม คุณซีดเดอร์มาที่ร้าน ที่นั่นไม่มีลูกค้า เฮเลนและทิลดี้ได้ทำงานอยู่หลังร้าน คุณซีดเดอร์ได้เดินเข้าไปหาพวกเขา
ทิลดี้ได้หันไปมองเขาและเธอไม่ได้พูดอะไร ซีดเดอร์หน้าแดงและเขาก็ดูเขินๆด้วย
คุณทิลดี้ครับเขาพูด ผมอยากจะขอโทษคุณสำหรับเรื่องวันนั้น ผมเมา ผมไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ผมต้องขอโทษคุณจริงๆและคุณซีดเดอร์ก็เดินออกไป
และทิลดี้วิ่งออกจากห้องครัวไปและเธอก็ไปร้องไห้ เธอควรจะหยุดร้องได้แล้ว เธอไม่ใช่คนสวย ไม่มีผู้ชายคนไหนมารักเธอ ไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอ รอยจูบนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับซีดเดอร์เลยสักนิด ทิลดี้ไม่ได้รักเขามากแต่รอยจูบนั้นมันมีความหมายสำหรับเธอ และตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว
แต่เธอก็ยังมีเพื่อนอยู่ และไอลีนได้กอดปลอบใจทิลดี้ ไอลีนไม่เข้าใจจริงๆ แต่เธอพูดว่า เธอต้องยิ้มสิ ทิลดี้ หน้าตาของซีดเดอร์เหมือนมันฝรั่งที่ตายแล้ว เขาไม่ใช่ผู้ชายแท้ ผู้ชายแท้เขาไม่เคยพูดว่าเสียใจ


The Memento (ของที่ระลึก)
ที่หน้าต่างในห้องของคุณดีอาเมนด์สามารถมองเห็นโรงละครบนถนนบรอดเวย์ แล้วก็ลินเนตต์ ดีอาเมนด์ก็เดินไปรอบๆเก้าอี้และนั่งให้หลังให้บรอดเวย์ เธอคือนักแสดง และต้องการไปแสดงในโรงละครที่บรอดเวย์ แต่บรอดเวย์ไม่ต้องการเธอ
เธอยังคงพักที่โรงแรมธาเลีย นักแสดงมากมายไปพักผ่อนที่นั่นในช่วงฤดูร้อนและหลังจากนั้นก็หางานทำที่โรงละครอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ห้องของคุณดีอาเมนด์ที่โรงแรมเป็นเพียงห้องเล็กๆ แต่ในนั้นเต็มไปด้วยของที่ระลึกที่ได้จากโรงละครและที่นั่นก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เธอมีความสุขเมื่อมองไปที่ภาพเหล่านั้น
ฉันชอบที่ๆคุณลีเป็นตอนนี้เธอพูดกับตัวเอง
เธอกำลังมองหาภาพของคุณโรสลี่ เรย์ เธอเป็นผู้หญิงที่งดงามมาก ในรูปภาพ คุณเรย์สวมชุดกระโปรงสั้นและนั่งที่ชิงช้า ทุกๆคืนในโรงละคร เธอแกว่งชิงช้าไปในอากาศ และอยู่สูงเหนือศีรษะของทุกคน เมื่อเธอแกว่งมัน ทุกๆคนในโรงละครตื่นเต้นมากจนต้องยืนขึ้น นั่นก็เพราะว่า เมื่อขาเรียวยาวได้ลอยอยู่ในอากาศ สายรัดถุงน่องสีเหลืองของเธอได้ตกลงไปที่ผู้ชายด้านล่าง เมื่อเธอนั่งอยู่บนชิงช้า เธอทำแบบนี้ทุกๆคืนและจะมีมือมากมายรอรับสายนัดถุงน่องของเธอ เธอทำได้หลายอย่าง ทั้งร้องเพลง เต้นรำ ผู้ชายทุกคนยืนขึ้นดูเธอ เธอไม่ต้องไปหางานที่ไหนนอกจากโรงละครแห่งนี้
หลังจากนั้นสองปี คุณดีอาเมนด์จำได้ว่า คุณเรย์ลาออกจากโรงละครและไปพักอยู่ในเมือง
ประมาณสิบเจ็ดนาทีหลังจากที่คุณดีอาเมนด์พูดว่า ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้คุณลีอยู่ที่ไหนมีบางคนมาเคาะประตูห้องฉัน
มันคือ คุณโรสลี่ เรย์ ตัวจริง
                เข้ามาข้างในก่อนสิค่ะคุณดีอาเมนด์เรียก และคุณเรย์เดินเข้ามา คุณเรย์จริงๆด้วย เธอถอดหมวกออก และคุณดีอาเมนด์เห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าและเศร้า
                ฉันพักอยู่ห้องชั้นบนโรสซี่พูด พวกเขาโต๊ะข้างบันไดบอกฉันว่าคุณอยู่ที่นี่
                ‘ฉันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เดือนเมษายนลินเนตต์ตอบ ฉันจะเริ่มทำงานอาทิตย์หน้า เพื่อออกไปจากเมืองเล็กๆนี้ แต่คุณลาออกจากที่นั่นสามเดือนแล้วนะ ลี ทำไมคุณไม่อยู่ที่นี่
                ‘เดี๋ยวฉันจะบอกคุณนะ คุณลิน แต่ฉันขอดื่มก่อนคุณดีอาเมนด์เดินไปหยิบเหล้ามาขวดหนึ่งให้เธอ
                ดีเลยโรสลีย์พูด ฉันจะดื่มให้สามเดือนที่ผ่านมา และนั่นเพราะว่าฉันเหนื่อยกับผู้ชายมามาก แต่มันก็ดีนะที่ผู้ชายเหล่านั้นมาที่โรงละคร คุณรู้ไหมว่าพวกเราต่อสู้กับสิ่งเหล่านั้นตลอดเวลา พวกเขาคือสัตว์ พวกเขาจะถามคุณว่า ออกไปข้างนอกกับพวกเขามั้ย พวกเขาจะซื้อตัวคุณไปนั่งดื่ม และนั่นพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ มันแย่มาก และพวกเราก็ทำงานหนักแต่ได้เงินน้อยมาก พวกเรารอที่จะออกไปจากที่นี่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ฉันลาออกเพราะว่าผู้ชายเหล่านั้น
                ‘ฉันมีเงินเก็บอยู่สองร้อยดอลลาร์และเมื่อฤดูร้อนมาถึง ฉันก็ลาออกจากโรงภาพยนตร์และไปที่หมู่บ้านเล็กๆที่เกาะลอง ฉันวางแผนที่จะอยู่ที่นั่นตลอดฤดูร้อน และเรียนรู้ที่จะเป็นนักแสดงที่ดี
                แต่ที่นั่นมีคนอื่นๆมาอยู่ในบ้านเดียวกัน ที่รีฟเวอร์ อาร์เธอร์ ไลล์ ใช่แล้วคุณลินน์ ผู้ชายในโบสถ์คนนั่น เมื่อฉันเห็นเขาครั้งแรก ฉันตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น เขาดูดีและมีน้ำเสียงที่มหัศจรรย์
                ‘นั่นเป็นเพียงเรื่องราวเล็กๆน้อยๆนะ ลินน์ หนึ่งเดือนต่อมาเราตัดสินใจแต่งงานกัน พวกเราวางแผนว่าจะอาศัยอยู่กันที่บ้านหลังเล็กๆใกล้โบสถ์ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และสัตว์ต่างๆ
                ‘แต่ฉันไม่ได้บอกเขาว่าฉันเป็นนักแสดง ฉันต้องการจะลืมมันและเริ่มต้นชีวิตใหม่
                ‘และฉันก็มีความสุขมาก ฉันไปที่โบสถ์และช่วยผู้หญิงในหมู่บ้าน อาร์เธอร์และฉันไปเดินเล่นด้วยกันที่หมู่บ้านซึ่งเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโลก ฉันต้องการที่จะอยู่ที่นั่นตลอดไป
                ‘แต่เช้าวันหนึ่ง ผู้หญิงแก่ๆคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในบ้านพูดกับอาร์เธอร์ เธอคิดว่าเขาก็ประหลาดใจด้วย และเธอก้บอกว่า อาร์เธอร์เคยรักกับเธอมาก่อน และสุดท้ายก็เลิกกัน เธอพูดว่า เขาเก็บของที่ระลึก บางอย่างที่เป็นของเด็กผู้หญิง บางครั้งเขาก้หยิบมันขึ้นมาดู แต่เธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาเก็บและล็อกมันไว้ที่โต๊ะ
                ‘ตอนบ่ายวันนั้น ฉันได้ถามเขาเกี่ยวกับมัน
                ‘ไอด้าเขาพูด (และแน่นอนที่นั่น เขาใช้ชื่อจริงของฉัน) ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน มันยากนะที่จะมอบความรักของผมให้คุณ
                “เธอสวยหรือเปล่าฉันถาม
                เธอสวยมากจริงๆอาร์เธอร์ตอบ
                “คุณเห็นเธอบ่อยไหม” ฉันถาม
                “ประมาณสิบครั้งได้”  เขาพูด
                “และนี่คือของที่ระลึก เธอส่งมันให้กับคุณหรือเปล่า”
                “มันมาจากมือเธอ” เขาบอก
                “ทำไมคุณไม่เคยได้พบเธอ” ฉันถาม
                “เธออยู่ไกลจากฉันมาก” เขาตอบ “ไอด้าผมเล่าจบแล้ว คุณไม่โกรธผมใช่มั้ย”
                “ผมรักคุณมากกว่าสิบครั้งที่ผ่านมา” และฉันทำมันได้ลินน์ คุณเข้าใจผมใช่ไหม มันเป็นรักที่สวยงาม เขาไม่เคยเจอเธอมาก่อน ไม่เคยพูดกับเธอแต่เขาได้รักเธอไปแล้วและเขาไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอเลย ในความคิดของฉัน เขาเป็นผู้ชายที่ดูแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ       เขาเป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ
                ประมาณสี่โมงเย็น อาร์เธอร์ต้องออดไปข้างนอก ประตูห้องของเขาถูกเปิดขึ้น และโต๊ะของเขาไม่ได้ล็อก ฉันตัดสินใจที่จะไปดูของที่ระลึกนั้น ฉันเปิดโต๊ะอย่างช้าๆ และหยิบมันออกมาจากกล่องและเปิดดู
                ‘ฉันมองหาของที่ระลึก และหลังจากนั้นฉันไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่ห้อง ฉันปรพหลาดใจในอาร์เธอร์มาก เขาเป็นคนดีจริงๆ แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ
                ‘ลี แล้วอะไรอยู่ในกล่องละ คุณดีอาเมนด์ถาม

                มันคือที่รัดถุงน่องสีเหลืองของฉันคุณเรย์ร้องไห้