วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log นอกห้องเรียน (August 25th , 2015)

Learning log  นอกห้องเรียน
(August 25th , 2015)
                ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เหมาะสมอย่างมากในการเรียน ไม่ว่าด้วยเหตุผลทางธุรกิจ การท่องเที่ยวหรือเหตุผลส่วนตัวอื่นๆ แต่การเรียนภาษานั้น ไม่ว่าจะภาษาใดก็ตาม ก็ต้องใช้ความขยัน ความตั้งใจและไม่อายที่จะพูดหรือเขียนแม้ว่าอาจจะผิด การฝึกภาษาอังกฤษผ่านการดูหนังก็เป็นอีกหนทางที่น่าสนใจไม่น้อยสามารถฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งยิ่งขึ้น เพราะความสนุกสนานเพลิดเพลินจะช่วยให้เราจดจ่อกับการฝึกฝนได้นานขึ้น หลายคนคงเคยได้ยินมาว่า การดูหนังฝรั่งช่วยฝึกภาษาอังกฤษ พอเอาเข้าจริงๆก็ดูไม่รู้เรื่องแถมดูจนขบยังไม่ได้อะไรเลย เนื้อเรื่องบางทีก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำเพราะมัวแต่อ่านซับไตเติ้ล เราจะไปดูหนังให้รู้เรื่องภาษาอังกฤษทุกคำ
            ในการดูหนังเพื่อฝึกภาษานั้น ไม่ควรดูรวดเดียวจบโดยไม่พักเลย ควรปล่อยให้สมองได้มีช่วงเวลาพักบ้าง เพราะเวลาดูหนังเพื่อฝึกภาษาเราต้องเพ่งสมาธิและคิดตามมากกว่าการดูปกติ หากตะบี้ตะบันฝืนดูไปเรื่อยๆ จะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ลดลงโดยใช้เหตุ  กรณีที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกภาษา ยังไม่ค่อยเชี่ยวชาญทักษะการฟังมากนัก ควรเลือกหนังที่เคยดูมาแล้วรอบนึงจะดีกว่าค่ะ เพราะคุณจะได้โฟกัสกับการฝึกภาษาได้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงเนื้อเรื่องมากนัก และควรค่อยๆ ไต่ระดับโดยเริ่มจากเลือกหนังที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาไม่ซับซ้อน แล้วค่อยทยอยเพิ่มระดับความยากมากขึ้นตามความชำนาญ

            การเลือกหนังอย่างแรกควรเลือกดูเพื่อฝึกเฉพาะไปเลยว่าจะดูหนัง American หรือหนัง British ถึงจะเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่สำเนียงค่อนข้างต่างกัน ในการเลือกฝึกควรเลือกเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้สับสนในการออกเสียง (แนะนำ American เพราะหนังจะมีเยอะกว่า และภาษาค่อนข้างจะแพร่หลายกว่า)   ประเภทของหนังที่เลือก ประเภทหนังที่เลือกก็มีส่วนในการช่วยฝึกเช่นกัน ควรจะเป็นหนังดราม่า หรือ โรแมนติกจะดีที่สุด เพราะมีบทพูดค่อนข้างเยอะ หนังแอนนิเมชัน จริงๆเอามาฝึกได้ แต่ไม่แนะนำเพราะ เราจะไม่เห็นวิธีการออกเสียงและเสียงที่พูดออกมามักจะถูกดัดแปลงให้เข้ากับตัวการ์ตูน ส่วนหนังแอคชัน บางครั้งศัพท์เทคนิคค่อนข้างจะเยอะ
            การดูหนังพร้อมซับไตเติ้ลภาษาไทยจะทำให้คุณสับสนมากกับคำศัพท์บางคำมากยิ่งขึ้น เพราะด้วยบริบททางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน บางทีซับไตเติ้ลภาษาไทยก็อาจจะแปลไม่ตรงกับภาษาอังกฤษเป๊ะๆ อีกอย่างหนึ่งคือ พอเปิดซับไตเติ้ลแล้วคนดูส่วนใหญ่ก็จะเผลอตั้งใจอ่านแต่ซับไปโดยอัตโนมัติ ทำให้ประสิทธิภาพในการฟังลดลง แต่สำหรับมือใหม่หัดฟังที่ดูแบบไม่มีซับไตเติ้ลแล้วมึนตึ้บไม่ไหวจะเคลียร์ อนุญาตเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษเป็นตัวช่วยได้บ้าง แต่นั่นก็อาจจะทำให้คุณได้ฝึกทักษะการอ่านมากกว่าการฟัง และควรดูเรื่องนั้นหลายๆรอบ เราก็จะยิ่งจดจำได้ดียิ่งขึ้น หากเลือกหนังที่มีบทสนทนาเป็นธรรมชาติ สามารถจดจำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ก็จะดีไม่น้อย และควรเลือกหนังที่ตงกับความสนใจของเรา จะช่วยให้มีแรงจูงใจในการฝึกยิ่งขึ้น
            หากต้องการฟังให้เข้าใจทุกคำทุกประโยคแบบเพอร์เฟ็คท์ คุณจะไม่มีวันดูหนังเรื่องนั้นจบ เพราะบางทีแม้แต่เจ้าของภาษาเองเขาก็ไม่ได้เข้าใจทุกคำเป๊ะๆ ขนาดนั้น แค่พอใจจับความให้รู้เรื่องว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรก็พอแล้ว และลองพูดตามสิ่งที่ได้ยินไปด้วย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟังและยังได้ฝึกออกเสียงให้ใกล้เคียงเจ้าของภาษาอีกด้วย ซึ่งในขณะที่พูดตามนั้น คุณไม่จำเป็นต้องพยายามแปลความหมายของศัพท์ทุกคำ ลองฝึกเดาศัพท์จากบริบทดูบ้าง และถ้าเจอคำศัพท์ที่น่าสนใจก็ค่อยจดเก็บไว้ แล้วนำมาหาความหมายทีหลัง
            สมัยนี้เรามักชอบทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน นั่งทำงานไปเช็คโทรศัพท์มือถือ เล่นเฟซบุ๊ค เล่นไลน์ไปด้วย แต่ในชั่วโมงของการฝึกภาษา ควรเอาสมาร์ทโฟนไปวางไว้ให้ห่างมือ และตั้งใจโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน แต่เน้นการฝึกต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมออย่าให้ขาด
ในช่วงแรกอาจจะรู้สึกว่าฟังไม่ค่อยทันบ้างก็อย่าเพิ่งท้อใจ พยายามสะกดจิตตัวเองเข้าไว้ว่าเราต้องทำได้ เราต้องเก่งขึ้น ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ ขอแค่ตั้งใจและอดทน สักวันหนึ่งต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
            การที่เราเลือกหนังมาดูได้แล้ว วิธีการดูหนังให้ได้ผลการฝึกนั้นควรดูอย่างน้อยสองรอบขึ้นไปรอบแรก ให้ดูโดยเปิด soundtrack พร้อมกับซับไตเติ้ลภาษาไทย ไปก่อน เพื่อทำความเข้าใจกับเนื้อเรื่อง และอารมณ์ของหนัง รอบสอง ให้เปิด soundtrack + ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ เพื่อดูว่าคำแต่ละคำเขาพูดกันยังไง  รอบสุดท้าย ให้เปิด soundtrack ภาษาอังกฤษ ไม่มีซับไตเติ้ลภาษาอะไรทั้งนั้น การจดและจำทำให้เราเก่งมากยิ่งขึ้นในระหว่างที่ดูหนัง ควรจำคำศัพท์จ่างๆที่น่าสนใจ หลังจากดูจบก็มาหาข้อมูลต่อ ว่ามันมีความหมายอย่างไรและใช้อย่างไร
            หากเราโหลดหนังมาดู เพราะไม่ต้องการเสียตังหรือต้องการประหยัดเงิน พอเลือกสำเนียง เลือกแนวได้แล้ว ทีนี้มากดเลือกหนังได้แล้วโหลดเลย เป็นวิธีที่ไม่ควรทำเพราะหนังดีวีดีทำให้เราสามารถเลือกภาษาที่แม่นยำกว่า ซับไตเติ้ลที่ได้ภาษาค่อนข้างมั่นใจกว่าที่เราโหลดมา และได้สนับสนุนสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ด้วย
            การดูหนังคือการฝึกภาษาอังกฤษที่ดีและไม่น่าเบื่อวิธีหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณจะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตัวคุณ ถ้าคุณมั่นใจและฝึกฝน ไม่มีทางที่คุณจะไม่เก่ง ดูแรกๆอาจจะฟังไม่ออก ดูแล้วไม่เข้าใจก็อย่าเพิ่งท้อหรือถอดใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่แปลกเราต้องมีความมุ่งมานะในการฝึกฝน หมั่นฝึกฝนบ่อยๆอย่างไม่ขาดหาย สักวันหนึ่งเราจะต้องโหนังฝฝรั่งแบบไม่มีซับไตเติ้ลอย่างสบาย