Learning
log นอกห้องเรียน
(Sep
22nd, 2015)
การอ่าน หมายถึง
การแปลความหมายของตัวอักษรที่อ่านออกมาเป็นความรู้ความคิด
และเกิดความเข้าใจเรื่องราวที่อ่านตรงกับเรื่อราวที่ผู้เขียนเขียน ผู้อ่านสามารถนำความรู้ ความคิด
หรือสาระจากเรื่องราวที่อ่านไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ การอ่านจึงมีความสำคัญ คือ การอ่านเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน จำเป็นต้องอ่านหนังสือเพื่อการศึกษาหาความรู้ด้านต่างๆ
และ การอ่านเป็นเครื่องมือช่วยให้ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ
ข้าพเจ้าได้ฝึกทักษะการอ่านโดยการฝึกอ่านเรื่อง Noun Clause เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านไวยากรณ์ให้มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
Noun clause คือ ประโยคย่อยที่ถูกนำมาใช้อย่างคำนาม ดังนั้นจึงสามารถที่จะนำเอา Noun
clause ทั้งหมดไปเป็นประธานของประโยคหรือเป็นกรรมของประโยคก็ได้
โครงสร้างของ Noun clause คือ คำขึ้นต้น Clause
+ S. + V. and คำขึ้นต้น Clause + V. ซึ่ง
คำขึ้นต้น Clause สามารถทำหน้าที่เป็นประธานของ Noun
Clause ได้ด้วยในเวลาเดียวกัน
หน้าที่ของ Noun Clauses ในตัวอย่างข้างล่างประโยค a มีคำนามหรือกลุ่มคำนาม
(noun phrase) และประโยค b มี noun
clause ในตำแหน่งเดียวกันกับประโยค
a
1. Subject
a. His statement is correct.
b. What he said is
correct.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า What he said (สิ่งที่เขาพูด) ใน ประโยค b เป็นประโยคย่อย
คือมีภาคประธาน he และภาคแสดง said โดยซ้อนอยู่ในประโยคอีกประโยคหนึ่งและทำหน้าที่เป็นประธานของประโยคนั้น
เทียบได้กับกลุ่มคำนาม His statement (คำพูดของเขา)
ซึ่งเป็นประธานของประโยค a
2. Direct Object
a. We doubt his way of doing
it.
b. We doubt how he did it.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า how he did it เป็นประโยคย่อยซ้อนอยู่ในประโยค b โดยทำหน้าที่เป็นกรรมตรง เทียบได้กับกลุ่มคำนาม his way of doing it ในประโยค a
3. Indirect Object
a. He told the story to
everyone.
b. He told the story to
whomever he met
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า whomever he met เป็นประโยคย่อยซ้อนอยู่ในประโยค b โดยทำหน้าที่เป็นกรรมรอง เทียบได้กับกลุ่มคำนาม everyone ในประโยค a
4. Object of a Preposition
a. His relatives are curious
about his living place.
b. His relatives are curious
about where he lives.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า where
he lives เป็นประโยคย่อยซ้อนอยู่ในประโยค b โดยทำหน้าที่เป็นกรรมตามหลังบุพบท
เทียบได้กับกลุ่มคำนาม his living place ในประโยค a
5. Subject Complement
a. The question is about the
timing of parliament dissolution.
b. The question is (about)
when parliament will be dissolved.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า when parliament will be dissolved เป็นประโยคย่อยซ้อนอยู่ในประโยค
b โดยทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมประธาน ที่ตามหลัง คำกริยา BE เทียบได้กับกลุ่มคำนาม
the timing of parliament dissolution ในประโยค a
6. Object Complement
a. You may name him Sam.
b. You may name him whatever
you like.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า
whatever you like เป็นประโยคย่อยซ้อนอยู่ในประโยค b โดยทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมกรรม
เทียบได้กับ Sam ในประโยค a
7. Appositive
a. Jack, the hero in the
story, needs to prove his innocence.
b. The fact that he was not at the
murder scene needs to be proved.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า
that he was not at the murder scene
เป็นประโยคย่อยซ้อนอยู่ในประโยค b โดยทำหน้าที่เป็น
appositive เทียบได้กับกลุ่มคำนาม the hero in the story ในประโยค a
คำนำหน้า noun clause : noun clause มีคำที่ใช้นำหน้าเพื่อเชื่อมกับ
main clause คำที่ใช้นำหน้าดังกล่าว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อยคือ That, Wh-words: who, whoever, whom, whomever, whose, what,
whatever, which, whichever, where, wherever, when, whenever, why, how, If/
Whether (… or not)
that
นำหน้า noun clause ที่เป็นประโยคทั่วไปไม่ว่าจะเป็นประโยคบอกเล่า (affirmative statement)
หรือ ประโยคปฏิเสธ (negative
statement) ตัวอย่างเช่น
Affirmative
statement: That he will come is
certain. (การที่เขาจะมาเป็นสิ่งแน่นอน)
Negative statement: Jane replied that her boss would not be in
tomorrow.
(เจนตอบว่าเจ้านายของเธอจะไม่อยู่พรุ่งนี้)
คำว่า that มีความหมายว่า “การที่” ในกรณีที่ noun clause เป็นประธานของคำกริยาใน main clause และ that มีความหมายว่า“ว่า” ในกรณีที่ noun clause เป็นกรรม
ดังในตัวอย่างข้างต้น อนึ่ง noun clause ที่นำหน้าด้วย that มีโครงสร้างของประโยคครบถ้วน
การนำ that ไปวาง ข้างหน้า noun
clause เป็นเพียงการเชื่อม
noun clause กับ main clause
1)
หน้าที่ของ noun clause ที่นำหน้าด้วย that
that สามารถใช้นำหน้า
noun clause ที่ทำหน้าที่เป็นประธาน
กรรม ส่วนเสริมประธาน กรรมตามหลัง
บุพบท และ appositive ตัวอย่างเช่น
Subject: That the majority of people in developing
countries live in dire poverty is true.
Object: The government believes that the national
economy will recover soon.
Subject complement: His ambition was that he wanted to become
prime minister.
Object of a preposition: The twins are similar in that they love folk
songs.
Appositive: The rumor that there is a serpent in the Mae
Kong River may be true.
2) การละคำนำหน้า
that
that ที่นำหน้า noun clause* ที่ทำหน้าที่บางหน้าที่ใน complex sentence สามารถจะละได้ในกรณี
ต่อไปนี้
กรณีที่ noun clause เป็น object
We believe (that) he told
the truth.
The police assured us
(that) the children would be found safe and sound.
I wish (that) I would win
the first prize.
กรณีที่ noun clause เป็น subject
complement
The reason is (that) he
speaks English fluently.
My opinion is (that)
you’d better stay home.
ตามหลังคำคุณศัพท์
I am sure (that) he can
get a good job.
They are afraid (that)
they cannot catch the 6 o’clock train.
*(ในกรณีที่ noun clause เป็นประธาน ไม่สามารถละ that ได้)
ข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ that
appositive noun clause จะนำหน้าด้วย that
เท่านั้นและไม่มีการละ
that
The news that she won the
beauty contest was published in all of the daily
newspapers.
noun clause ที่นำหน้าด้วย that
ที่ใช้ตามหลังคำบุพบทมีเป็นจำนวนน้อย
โดยที่คำบุพบทที่จะตามด้วย “that” clause มักตามหลังคำคุณศัพท์หรือคำกริยาที่แสดง
ความเหมือนกันหรือต่างกัน
เช่น similar, alike, different, differ
John and his
brother are alike in that they enjoy folk music.
The two girls
differed in that one was quiet while the other was talkative.
noun clause ที่นำหน้าด้วย that ไม่สามารถใช้เป็นกรรมรองหรือส่วนเสริมกรรมได้
that ที่นำหน้า noun clause ที่ทำหน้าที่ประธานของประโยค
สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้าง
โดยใช้ impersonal pronoun “ it” นำหน้าประโยค แล้วนำ noun
clause ไปไว้ท้ายประโยคได้
That he showed up
at the party was a great surprise.
It was a great
surprise that he showed up at the party.
Wh-words
wh-words ใช้นำหน้าข้อความที่เป็นลักษณะการถามข้อมูล
เช่น
I doubt why you want
statistical figures.
หน้าที่ของ noun clause ที่นำหน้าด้วย wh-words
noun clause ที่นำหน้าด้วย wh-words อยู่ในตำแหน่งของคำนามในประโยคได้ทุกตำแหน่ง
ยกเว้น appositive โดย noun clause ที่นำหน้าด้วย wh-words
มีหน้าที่ต่างๆดังนี้
Subject: What he did was a serious mistake.
Object: She told me how I could raise more money for
charity.
Indirect object: The man enjoyed explaining his theory to
whoever was interested in it.
Object of a
preposition: The question of when the
election will be held will be answered by the Election Committee tomorrow.
Subject complement: You are what you eat.
Object complement: People call him whatever they like.
wh-words ที่ใช้นำหน้า noun clause จะมีหน้าที่บางประการใน
noun clause ดังนี้
who, whoever, whom, whomever ทำหน้าที่เป็นประธานและกรรมใน noun clause
Whoever wins must treat us
to lunch.
I want to know who he has
chosen to marry.
whose คำนามที่ตามหลัง
whose ทำหน้าที่เป็นประธาน กรรม กรรมตามหลังบุพบท
และส่วนเสริมประธาน ใน noun clause
I asked whose money was
stolen.
Tell me whose book you are
reading.
John doubted in whose house
Jane lives.
I want to know whose
book this is.
what, whatever ทำหน้าที่เป็นประธาน
กรรม และส่วนเสริมประธานใน noun clause
I’m afraid of what will
happen after that.
What I did was acceptable.
I want to know what her name
is.
You should give him whatever
he likes.
which, whichever มักมีคำนามตามหลัง
โดยทำหน้าที่เป็นประธานและกรรมใน noun clause
I don’t know which brand is
worth buying.
It’s half price for
whichever book you buy.
You can choose
whichever you like.
where, when, why, how ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์
ใน noun clause
:: where, wherever บอกสถานที่
Where he will stay has yet
to be decided.
You should ask him where he
wants to stay.
Wherever you go is the right
place for me.
:: when, whenever บอกเวลา
You must find out when he is
due to arrive at the airport.
We are interested in when the
conflict will be resolved.
I don’t care whenever he
does that.
:: why บอกสาเหตุหรือเหตุผล
Why he went to China was not
known.
Nopadol told the teacher why
he could not finish his assignment.
:: how บอกกิริยาอาการ
Describe how you felt at
that time.
How he was involved in
the scandal needs to be investigated.
If/Whether (... or not)
ใช้นำหน้าข้อความที่เป็นลักษณะการถามว่าใช่หรือไม่ if ใช้ได้เฉพาะนำหน้า
noun clause ที่เป็นกรรม เท่านั้น ส่วน whether ใช้ได้ทุกกรณี
I wanted to know
if/whether I could accompany him.
He asked if/whether or not
he could take a day off.
There is no answer to
whether the political turmoil will end soon.
Whether our team will
win or not depends on luck.
ข้อสังเกต whether จะมี or not ตามหลังทันที
ต่อท้ายประโยค หรือไม่มีก็ได้ แต่ if ไม่สามารถมี or not ตามหลังทันทีได้
I wonder whether or not
the weather will be fine on the day of our departure.
I wonder if/whether the
weather will be fine on the day of our departure or not.
I wonder if/whether the
weather will be fine on the day of our departure.