วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log (นอกห้องเรียน) (Oct 20th ,2015)

Learning log (นอกห้องเรียน)
(Oct 20th ,2015)
            การเรียนภาษาอังกฤษในปัจจุบันสามารถเลือกเรียนได้หลากหลายรูปแบบ ดิฉันเลือกวิธีการฝึกจากการดูหนังเรื่อง Slumdog Millionaire เพราการดูหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่มีสไตล์หรือพลอตเรื่องแตกต่างจากหนังฝรั่งเรื่องอื่นๆ คือ เป็นหนังที่ถูกสร้างจากผู้กำกับชาวอังกฤษ โดยใช้คนอินเดีย ประเทศอินเดียและทัชมาฮาลเป็นฉากหนึ่ง ซึ่งเนื้อหามีทั้งสนุก ตลก และเศร้าอีกด้วย
                ในสัปดาห์นี้ดิฉันได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน โดยการดูหนังเรื่อง Slumdog Millionaire ผ่านทางเว็บไซต์ www.movie2free.com และฝึกฟังแบบ soundtrack ซับไทย ซึ่งจะเป็นเสียงภาษาอังกฤษและแปลไทยเป็นตัวหนังสือวิ่งด้านล่าง ดิฉันเลือกเปิดฟังแบบนี้เพราะถ้าฝึกฟังเป็นเสียงไทยจะทำให้ดิฉันไม่ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับต่างๆ เพื่อน-เพื่อน ลูก-พ่อแม่ เด็ก-ผู้อาวุโส และการเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละเรื่องที่แตกต่างกัน ดิฉันได้ฝึกฟังถึง 4 รอบในหนึ่งสัปดาห์
เรื่อง Slumdog Millionaire เป็นเรื่องราวกับเด็กหนุ่มยาวอินเดียและใช้อินเดียเป็นฉากหลัง เป็นผลงานกำกับของ แดนี่ บอยส์ คนทำหนังชาวอังกฤษ ทำภาพยนตร์นี้ออกมามีเนื้อหาที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มจากสลัมในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดียที่สามารถพิชิตเงินล้านในเกมโชว์ทางโทรทัศน์คล้ายๆกับเกมส์เศรษฐีในไทย แต่เขาถูกตำรวจจับไปเค้นหาความจริงโดยกล่าวหาว่าเขาโกงคำตอบเรื่องราวที่เหลือเป็นการเล่าย้อนประวัติชีวิตอันโชกโชนของเด็กหนุ่ม เพื่อให้เห็นว่าเหตุใดเขาจึงรู้คำตอบของแต่ละคำถาม ตั้งแต่ข้อแรกจนถึงข้อสุดท้าย และหนังเรื่องนี้ได้ประชดประชันสังคมได้พอสมควร จะพูดถึงความเสื่อมโทรมต่างๆในอินเดีย โดยเฉพาะการแบ่งชนชั้น ที่ยังคงมีอยู่ในสังคมอินเดียในปัจจุบัน จากที่เห็นการแบ่งชนชั้นระหว่างพิธีกรรายการกับตำรวจ เป็นตัวแมนการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่า จามาล เด็กสลัมจนๆจะตอบคำถามยากๆได้ พิธีกรจะทำน้ำเสียงดูถูกจามาลว่าเป็นเด็กเสิร์ฟจะตอบคำถามยากๆได้ จามาลไม่ได้เรียนหนังสือมา แต่จามาลตอบกลับไปว่า I can read. แปลว่า ผมอ่านออกละกั
จากที่ดิฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ ดิฉันดี้ความว่า เนื้อเรื่องหลัก พูดถึงเกมส์ที่ชื่อว่า "Who wants to be a millionaire" หรือก็คือเกมเศรษฐี ซึ่งรายการนี้ไม่ใช่รายการที่ต้องการคนเก่ง แต่เป็นรายการที่มีแค่ “รู้” หรือ “ไม่รู้” ต่างหาก ในหนังจะพูดถึงตรงนี้ตั้งแต่คำถามที่สองซึ่งมันเป็นเรื่องทั่วๆๆไป ถามถึงวลีนึง ที่พิธีกรบอกว่าเป็นวลีติดปากของคนในประเทศ หรือที่ inspector บอกว่า เด็ก5 ขวบยังตอบได้เลย แต่จามาลตอบไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่แต่เขาแค่ไม่รู้ ซึ่งมันก็ไม่ผิดเพราะขนาด inspector ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าใครขโมยจักรยานตำรวจไป ซึ่งจามาลบอกว่า "Everyone in Juhu know that. Even 5 year olds" ซึ่งมันจะแปลได้ประมาณว่า "ทุกคนในจูฮูรูกันหมดแหละ ไม่ใช่แค่เด็ก 5 ขวบ" จากฉากนี้สะท้อนให้เห็นว่าไม่เฉพาะอินเดียหรอก จะชอบมีคนประเภทเนี่ย คือดูถูกคนอื่น ดูถูกคนที่เค้าไม่รู้เรื่องที่ตัวเองรู้ ว่าเป็นคนโง่แต่พอมาถามคำถามยากๆๆ ไม่สิ เรียกว่าเป็นคำถามที่ไม่น่ามีคนรู้มากกว่า เช่นถามถึงรูปคนบนธนบัตร 100ดอลล่าสหรัฐ  เรื่องนี้ทุกคนต่างคิดว่าจามาลไม่น่าจะรู้ ก็ใครล่ะจะคิด ว่าเค้าเคยจับธนบัตร 100 ดอลล่าห์ด้วย  และก็ถามไปเรื่อยๆๆครับ เล่นกับความรู้ หรือไม่รู้ของจามาลนี่แหละ ซึ่งแน่นอน เค้าตอบได้หมด ยกเว้นข้อสุดท้าย พักรายการก่อนการตอบ คำตอบคือข้อ D แต่พิธีกรแอบไปบอกคำตอบลวง ทั้งนี้จามาลไม่มีข้อมูลอะไรเลย เขาเลือกใช้ตัวช่วย 50:50 คือตัดข้อที่ไม่ใช่ออก 2ข้อ และมันก็เหลือข้อ Bที่พิธีกรหลอกเค้า และข้อD คำตอบที่ถูก ตรงนี้จามาลเลือกที่จะตอบ D เค้าเลือกที่จะไม่เชื่อคำตอบที่พิธีกรบอก ถ้าเป็นผม ผมก็คงลังเลอยู่เหมือนกัน ..เพราะตอนที่พิธีกรเข้ามาบอก เค้าก็พูดอย่างเป็นมิตร ดูหวังดี แต่จามาลไม่เชื่อ และจามาลตอบถูก รับเงินไปถึง 10ล้าน
ก่อนจะเล่นข้อสุดท้าย  ก็ตามธรรมเนียมรายการสดแนวนี้ครับ เพื่อเรียกเรตติ้งต้องเอาข้อสุดท้ายไปเล่นวันต่อไป คนจะได้ตามดูเยอะๆ และนี่เอง จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดจามาลถูกจับ ข้อหาโกงรายการเค้าถูกซ้อม ถูกทรมานด้วยวิธีการต่างๆๆ เพื่อให้รับสารภาพซึ่งหนังได้ตีแผ่ความทารุณของเจ้าหน้าที่รัฐ ต่อประชาชน แล้วเรื่องก็ค่อยๆๆไหลออกมาจากปากเค้า ว่าทำไมเค้าถึงรู้ ทำไมเค้าถึงตอบได้ ซึ่งจริงๆมันก็เป็นเรื่องราวต่างๆๆที่เค้าได้เจอได้ประสบมาตลอดชีวิตของเค้านั่นแหละและข้อสุดท้าย จามาลถูกปล่อยตัวให้กลับมาเล่น กับคำถามที่เค้าน่าจะรู้ ถ้าเค้าใส่ใจ นั่นคือเรื่อง "ตัวละครในนิยายเรื่อง 'The Three Musketeers' ชื่อแกงค์พวกเค้า" มันน่าเจ็บใจมากนะครับ เรื่องที่เค้าควรรู้ แต่กลับไม่รู้เค้าจึงเลือกที่จะโทรถามทางบ้าน ซึ่งก็หมายถึง ซาลิม พี่ชายเค้านั่นเอง จะว่าไปผมว่าเค้าคงไม่ได้หวังหรอกว่าจะได้คำตอบรึเปล่า เค้าก็คงแค่อยากคุยกับพี่ชาย เพราะยังไง นั่นก็เป็นสิทธิของเค้า  ถึงซาลิมไม่รู้ เค้าก็อาจจะขอหยุดอยู่ที่ 10ล้านก็ได้ ไม่มีอะไรเสียหายซาลิมช่วยให้ลาติก้าหนีออกมาหาจามาล เค้าเลือกที่จะถูกฆ่าตาย เพื่อความสุขของน้องชายตัวเองจุดนี้เป็นอีกจุด ที่หนังได้ประชดสังคม เพราะซาลิม เป็นเหมือนตัวแทนของความทะเยอทะยาน เค้าทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทอง ยอมผิดบาป ยอมทำเลว เพื่อให้ตัวเอง และน้องชายสบายขึ้น ฉากสุดท้าย เค้าเอาเงินทั้งหมดมาใส่ในอ่างอาบน้ำ และลงไปนอน รอฆ่าเจ้านายตัวเอง คือเค้าก็รู้แหละ ว่ายังไงเค้าก็ต้องตายแน่ๆๆ ..ก็ขอฆ่าคนเลวๆๆอย่างเจ้านายก่อนแลกชีวิตกันว่างั้น และเค้าเอง ก็จะได้ตายบนเงินที่ตัวเองหามาได้ประมาณว่า เค้าเกิดมาจากสลัม เป็นลูกหมาสลัม(Slumdog ) แต่ตอนตาย ขอตายอย่างมหาเศรษฐี
                        โทรศัพท์ของซาลิม อยู่ที่ลาติก้า พอได้คุยกับลาติก้าเท่านั้น จามาลก็เหมือนคิดอะไรได้ ข้อนี้เค้าก็มั่วเหมือนกัน เพราะเค้าได้คุยกับลาติก้า เค้ารู้ว่าลาติก้าปลอดภัย.แค่นี้แหละที่เค้าต้องการ เค้าไม่ได้มาเล่นเกมส์เพราะต้องการเงิน แต่เค้าต้องการให้ลาติก้าเห็นเค้า จะได้ติดต่อกัน ตอนนั้นเค้าคงไม่สนใจแล้วว่าจะตอบถูกรึเปล่า เพราะเค้าได้สิ่งที่เค้าต้องการแล้ว เงินมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ หนังเค้าคงอยากให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งที่สุด ก็เลยให้เค้าตอบถูกด้วย พร้อมกับตอบคำถามในตอนแรกที่ว่า เค้าตอบคำถามถูกทั้งหมดได้ไง เค้าไม่ได้โกง เค้าไม่ได้อาศัยโชค เค้าไม่ได้เป็นอัจริยะ เพียงแต่ ทุกอย่างมันถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้ ทุกคำถามที่ถามเค้า มันบังเอิญเป็นคำถามที่เค้ารู้คำตอบอยู่แล้ว เป็นคำถาม ที่เค้าเคยผ่านมาแล้ว เค้ารู้ เค้าจึงตอบถูกก็เท่านั้นและแม้ว่าข้อสุดท้ายเค้าจะตอบผิด เค้าก็คงไม่เสียใจ เพราะทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
            Slumdog Millionaire หรือเด็กสลัมเงินล้าน เนื้อหาในหนังจะพูดถึงเด็กหนุ่มจากสลัมในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดียผู้พิชิตเงินล้านในเกมโชว์ทางโทรทัศน์ แต่กลับถูกตำรวจจับไปค้นหาความจริงโดยกล่าวหาว่าโกงคำตอบ เรื่องราวที่เหลือเป็นการย้อนประวัติชีวิตอันโชกโชนของเด็กหนุ่ม เพื่อให้เห็นว่าเหตุใด เขาจึงรู้คำตอบของแต่ละคำถาม ตั้งแต่ข้อแรกจนถึงข้อสุดท้าย หนังถ่ายทำในอินเดียตลอดทั้งเรื่อง ใช้นักแสดงชาวอินเดีย พูดภาษาฮินดูพอๆกับภาษาอังกฤษ และมีกลิ่นอายแบบหนังฮอลลีวูด เพราะเป็นรักโรแมนติก-ดรามา ชวนฝันที่อบอวลด้วยเพลงประกอบสไตล์ภารตะ เรื่องราวของตัวละครชาวอินเดียประกอบฉากหลังทัชมาฮาลและมุมไบแล้ว หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวและความตื่นตาด้วยบรรยากาศเอ็กโซติก สมทบด้วยวัฒนธรรมอินเดียผ่านเรื่องราวและบทเพลงมากมาย และหนังเรื่องนี้ยังใส่เหตุการณ์ความรุนแรงซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของชีวิต เมื่อกลุ่มชาวฮินดูบุกทำลายบ้านเรือนและฆ่าชาวมุสลิมจำนวนมากและแม่ของจามาลก็เป็นหนึ่งในชาวมุสลิมที่เสียไป สิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้จากการดูหนังเรื่องนี้


สรุปคำศัพท์และวลีที่ดิฉันพยายามฟังและแปลจากหนังเรื่อง Slumdog Millionaire ดังนี้
-                   Distort สลัม
-                   Don’t go away now. อย่าไปไหน (พิธีกรพูดระหว่างพักเบรค)
-                   Time to go ได้เวลาไปกันแล้ว
-                   Give me that เอานั่นมาให้ฉัน
-                   Pay or Play จะหยุดหรือเล่นต่อ (พิธีกรถามจามาลก่อนที่จะไปข้อถัดไป)

-                   Come away with me รีบไปกับฉัน