Learning log (นอกห้องเรียน)
(Oct 6th , 2015)
การอ่านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพื่อให้เราได้รู้จักตำแหน่งและหน้าที่ของคำ
แหล่งคำที่เราพูดหรือจะเขียนว่าเราวางคำเหล่านั้นไว้ตรงไหน
เมื่อเราเขียนประโยคหรือพูดแต่ละประโยคออกมา เราจะต้องเรียงตำแหน่งให้ถูกต้อง
คำไหนที่ควรจะอยู่หน้า คำไหนควรจะอยู่หลัง
เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเรียนจะใช้หรือจะพูดภาษาอังกฤษให้ดีจะต้องเข้าใจพื้นฐานคำทั้ง 7
ชนิด และนำไปใช้ให้ได้ ให้เป็น ให้ถูกต้อง
ในสัปดาห์นี้ข้าพเจ้าศึกษาทักษะการอ่านเรื่อง active voice เปลี่ยนเป็น
passive voice
Active voice (กัตตุวาจก)
หมายถึง รูปของคำกริยาที่แสดงว่าประธาน (Subject) ในประโยคเป็นผู้แสดงหรือการกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ประโยคต่อไปนี้
·
Daniel shot a tiger. (เดเนียลได้ยิงเสือตัวหนึ่ง)
·
I wrote a letter yesterday. (ฉันเขียนจดหมายฉบับหนึ่งเมื่อวาน)
·
He cooks lunch every day. (เขาทำอาหารกลางวันทุกๆวัน)
ประโยคทั้งสามที่กล่าวนี้เป็น active voice เพราะได้ยกตัวอย่างเอาผู้กระทำ คือ เดเนียล ฉัน เขา
ขึ้นมากล่าวเป็นจุดสำคัญ
แม้ว่าพบในประโยคอื่นๆก็ทำให้รู้ว่าเป็นประโยค active
voice ทันที
Passive voice (กรรมวาจก) คือ รูปของกริยาที่แสดงว่าประธาน
(Subject) ในประโยคเป็นผู้ถูกกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
·
English is spoken by Marry. (ภาษาอังกฤษพูดโดยแมรี่)
·
Lunch is cooked by you every day. (อาหารกลางวันถูกทำโดยคุณทุกๆวัน)
·
The notebook was written by me
yesterday. (สมุดเล่มนี้ถูกเขียนโดยฉันเมื่อวานนี้)
ประโยคทั้งสามนี้เป็น Passive voice เพราะยกเอาสิ่งที่ถูกเขาทำหรือถูกคนอื่นทำ
คือคำว่า
ภาษาอังกฤษ สมุด อาหารกลางวัน ขึ้นมากล่าวเป็นจุดสำคัญในประโยค
แม้ประโยคอื่นๆที่อยู่ในแนวเดียวกันนี้ ให้ถือประโยคนั้นเป็น passive voice
#หลักการเปลี่ยน Active voice เป็น Passive
voice
1) เอา object
ในประโยค Active voice มาเป็น Subject ในประโยค Passive voice
2) เปลี่ยน Verb
เป็น Verb ช่องที่ 3
3) ใช้ V.to
be + V.3 และ V. to be นั้นต้องเป็น Tense
เดียวกับกริยาเดิมและต้องตรงกับพจน์ของประธานตัวใหม่
4) เอา subject ในประโยค Active
voice มาเป็น object ตามหลัง “by” ในประโยค Passive voice
โครงสร้างของประโยค Passive voice ทั้ง 12 Tense
Present Simple S
+ is, am, are + v.3 + by…
Present Continuous S + is, am, are
+ being + v.3 + by…
Present Perfect S
+ has been, have been + v.3 + by…
Present Perfect Continuous S
+ has been, have been + being + v.3 + by…
Past Simple S
+ was, were + v.3 + by…
Past Continuous S
+ was being, were being + v.3 + by…
Past Perfect S
+ had been + V.3 + by…
Past Perfect Continuous S
+ had been being + V.3 + by…
Future Simple S
+ will be, shall be + V.3 + by…
Future Continuous S
+ will be, shall being + V.3 + by…
Future Perfect S
+ will have, shall have + been + V.3 + by…
Future Perfect Continuous S
+ will have being, shall have been being+ V.3 + by…
ตัวอย่างประโยค Active voice และ Passive voice
1. Present simple
- I study ten books in a year. (Active)
- Ten books are studies by me in a year. (Passive)
2. Present Continuous
- I am reading a book. (Active)
- A book is
being read by me. (Passive)
3. Present Perfect
- You have
broken the chair. (Active)
- The chair
has been broken by you. (Passive)
4. Past Simple
- The hunter
shot the tiger. (Active)
- The tiger
was shot by the hunter. (Passive)
5. Past Continuous
- She was
writing the letter yesterday. (Active)
- The letter
was being written by her yesterday. (Passive)
6. Past Perfect
- Napoleon had
conquered the country before help arrive. (Active)
- The country
had been conquered by Napoleon before help arrive. (Passive)
7. Future Simple
- I shall play
some music. (Active)
- Some music
will be played by me. (Passive)
8. Future Perfect
- I shall gave
watered the garden before sun set. (Active)
- The garden
will have watered before sun set. (Passive)
#หมายเหตุ: เฉพาะ Perfect
Continuous โครงสร้างที่ 4 ของ Passive
voice ในแต่ละ Tense นั้นจะไม่นิยมใช้
การเปลี่ยนประโยค Active voice เป็น Passive voice
หาก object มี 2 คำ เวลาทำเป็น Passive
voice ให้เลือกเอา object คำใดคำหนึ่ง เป็น subject
แล้วคงคำใดคำหนึ่งไว้ตามเช่นเดิม เช่น
Active: I give
her a pen. (ฉันให้ปากกาหล่อน)
Passive: A pen
is given by me. (หล่อนถูกให้ปากกาโดยฉัน)
หากมีคำหรือหมู่คำที่ขยายกริยา ต้องวางไว้ใกล้กริยาที่สุด เช่น
Active: My mother sent me to buy flowers at the market. (แม่ส่งฉันไปซื้อดอกไม้ที่ตลาด)
Passive: I was
sent to buy flowers at the market by my mother. (ฉันถูกส่งไปซื้อดอกไม้ที่ตลาดโดยแม่ของฉัน)
Object ของ Preposition “by” ในประโยค
Passive voice อาจละไว้ได้ เช่น
Active: Somebody has done all the work. (มีใครบางคนได้ทำงานทั้งหมดแล้ว)
Passive:
Somebody has done all the work. (งานทั้งหมดถูกทำเรียบร้อยแล้ว)
ประโยค
Active voice ที่มีกริยา may, might, can, could,
must และกริยาสภาวมาลาที่ละ to ไว้
เวลาทำเป็นประโยค Passive voice ให้เติมกริยา be ลงไปด้วย เช่น
Active: We may love you. (เราอาจจะรักคุณ)
Passive: You
may be loved by us. (คุณอาจจะถูกรักโดยเรา)
ประโยค
Passive voice ผู้พูดไม่ทราบว่าใครทำหรือกริยาถูกกระทำโดยใคร
เวลาเปลี่ยนเป็น Active voice ต้องหาประธานที่เหมาะแก่ใจความเติมลงไป
Passive: My purse has been picked. (กระเป๋าสตางค์ของฉันถูกเก็บได้)
Active:
Somebody has picked my purse. (ใครบางคนได้เก็บกระเป๋าสตางค์ของฉัน)
Intransitive Verb บางคำที่ตามหลังด้วย Preposition
ทำเป็น Passive voice ได้ดังนี้ เช่น
Active: I look at you. (ฉันมองไปที่คุณ)
Passive: You
are looked at by me. (คุณได้ถูกฉันมอง)
กริยาที่มีความหมายเช่นนี้จึงสามารถทำได้ แต่บางคำก็ทำให้เป็น Passive voice ไม่ได้เช่น
I go to school. (ฉันไปโรงเรียน)
I come to
school. (ฉันมาโรงเรียน)
ประโยค
Interrogative ที่เป็น Adverb และ Pronoun
ที่อยู่หน้าประโยค Active voice คำถามเวลาทำเป็น
Passive voice ก็วางไว้หน้าประโยคตามเดิม
เฉพาะ Interrogative Pronoun หากเป็น
object ของ by ไว้หลัง object โดยดูตัวอย่างต่อไปนี้
Interrogative adverbs
Active: Why do
you love your wife? (ทำไมคุณรักภรรยาของคุณ)
Passive: Why
is your wife loved by you? (ทำไมภรรยาจึงถูกรักโดยคุณ)
Interrogative
Pronoun
Active: What
do you want? (คุณต้องการอะไร)
Passive: What
is wanted by you? (อะไรที่ถูกคุณต้องการ)
ประโยคที่มี
Infinitive เวลาทำเป็น Passive voice ให้เอา
object ของ Infinitive มาเป็น Subject
หรือเป็น object ของ ‘for’ เช่น
Active: It is easy to do that. (มันง่ายที่จะทำสิ่งนั้น)
Passive: That
is easy to be done. (สิ่งนั้นที่ถูกทำมันง่าย)
ประโยคที่มี
Participle (Present Participle) ให้เอา object ของ Participle มาเป็น object ของกริยาใหญ่เติม
being แล้วเปลี่ยน Participle ให้เป็นกริยาช่อง
3 (Past Participle) ของกริยาใหญ่ เช่น
Active: I saw John punishing his pupil. (ฉันเห็นจอห์นกำลังลงโทษนักเรียนของเขา)
Passive: I saw
his pupil being punished by John. (ฉันเห็นนักเรียนของเขาถูกทำโทษโดยจอห์น)
ประโยคที่มี Gerund (กริยานาม) เวลาทำเป็น Passive
Voice ให้เอากรรมของ Gerund มาวางไว้ข้างหน้า Gerund
และหน้า Gerund ถ้ามีให้เปลี่ยนเป็นกรรมของ “by” เช่น
Active: Many people went to see the
launching Apollo 11. (คนมากมายที่ต้องการจะดูการปล่อยยานอะพอลโล่ 11)
Passive: Many people went to see you the Apollo 11
being launched. (คนมากมายที่ต้องการดูยานอะพอลโล่ 11 ที่กำลังถูกปล่อย)
ประโยค Verbal Phrase คือ กริยาวลีทำเป็น Passive voice
ได้ดังนี้
Active: I shall
not play the football with you. (ฉันจะไม่เล่นฟุตบอล)
Passive:
You will not be played the football with by me. (คุณจะไม่ได้เล่นฟุตบอลกับฉัน)
ถ้าประโยค imperative ที่มี object เวลาทำเป็น
Passive Voice ให้เติม Let หน้าประโยค Passive
ตามด้วย object ในประโยค Active แล้วเติม be โดยไม่มี to นำหน้า
ส่วนกริยาใหญ่นั้นเป็นช่องที่สาม เช่น
Active: Love
her. (รักหล่อน)
Passive:
Let her be loved. (ให้หล่อนถูกรัก)
ถ้าประโยคนั้นมี
verb to say, expect, remark, hope และ verb อื่นๆ ทำนองเช่นนี้ทำเป็น Passive voice ได้ดังนี้
เช่น
Active: We
expected to play the football. (เราหวังว่าได้เล่นฟุตบอล)
Passive: It is
expected by us that we would play football. (มันได้ถูกหวังโดยเราว่าจะได้เล่นฟุตบอล)
ประโยค Imperative ที่ไม่มี object
ให้เปลี่ยนตามลักษณะนี้ เช่น
1. บังคับใช้ You are commanded to…
2.
ขอร้องใช้ You are asked to… or You are requested to…
3.
เชื้อเชิญใช้ You are invited to…
หลักการใช้มีดังนี้
1. You are commanded to… ใช้สำหรับประโยคที่มีความหมายเชิงบังคับ
2. You are asked to…, You are requested you… ใช้สำหรับประโยคที่มีความหมายเชิงขอร้องหรืออ้อนวอน
3. You are invited to… ใช้สำหรับประโยคที่มีความหมายเชิงเชื้อเชิญ
ตัวอย่างเช่น
Active: Come in
now. (เข้ามาเดี๋ยวนี้)
Passive: You
are commanded to come in now. (คุณถูกสั่งให้เข้ามาเดี๋ยวนี้)
ดังนั้น
การอ่านหนังสือมากๆเป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับนักเรียนนักศึกษาและทุกๆคนทำให้สามาถนำความรู้ที่ได้จากการอ่านหนังสือไปสร้างเสริมอาชีพหรือประสบการณ์ที่ดี
และอาจจะนำความรู้ที่ได้จากการอ่านไปประยุกต์ใช้ในการเขียนแบบสไตล์ของเราเอง