วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log นอกห้องเรียน (Sep 29th ,2015)

Learning Log นอกห้องเรียน
(Sep 29th  ,2015)
                        ในอนาคตประเทศไทยของเรากำลังเข้าสู่อาเซียนเป็นการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในบ้านเรามากขึ้น ในสถานะที่เราเป็นเจ้าบ้านเราต้องรู้จักสร้างสัมพันธภาพที่ดี ในการแสดงความสุภาพกับชาวต่างชาติหรือคนอื่นๆ เราสามารถทำได้โดยการไหว้ การยิ้ม การจับมือ ซึ่งทั้งหมดนี้เรียกอีกอย่างคือ การทักทาย โดยการทักทายเป็นการแสดงความสุภาพอย่างหนึ่ง ในสัปดาห์นี้ข้าพเจ้าเลือกที่จะฝึกทักษะการฟัง เรื่อง การทักทาย(Polite English)จาก เว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=aHjnALRrIn0
                วันที่ 23-25 กันยายน 2558 ข้าพเจ้าได้ฝึกทักษะการฟัง เรื่อง 4 Magic words สี่คำวิเศษที่ใช้แล้วเป็นคนสุภาพในสายตาชาวโลก สี่คำวิเศษที่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดีรับรองว่าฝรั่งได้ยินแล้วทึ่ง คือคำว่า 1. Excuse me ขอโทษครับ/ค่ะ 2. Thank you ขอบคุณ 3.Please กรุณา และ 4.Sorry ขอโทษ ทั้งสี่คำมีวิธีใช้ดังนี้
                Excuse me ขอโทษครับ/ค่ะ มีวิธีการใช้ 4 แบบ 1. ใช้เป็นประโยคกล่าวนำในการทักทายผู้อื่นอย่างสุภาพ เพื่อถามอะไรบางอย่างที่เราต้องการทราบ ใช้กล่าวเพื่อขอทางเดินผ่านอย่างสุภาพ เช่น ถ้าเราต้องการเดินผ่านทางที่มีคนยืนขวางทางอยู่ซึ่งอาจเป็นทางเดิน ประตู บนรถไฟ ฯลฯ เราเพียงแต่พูดอย่างสุภาพว่า
Excuse me หรือ Excuse me, please. แล้วเดินฝ่าเข้าไป ตามปกติเขาจะพยายามหลีกทางให้เราเดินผ่าน ไป โดยตอบว่า Sorry. 3. ขณะที่เรากำลังพูดคุยอยู่กับผู้อื่น ถ้าเรามีความจำเป็นต้องขอตัวลากลับ หรือปลีกตัวไป เรากล่าว Excuse me. 4. ถ้าเรามีนัดกับผู้อื่น แล้วบังเอิญเราไปไม่ทันตามเวลาที่ได้นัดไว้ เมื่อเราไปถึงเราอาจกล่าวขอโทษ โดยพูดว่า Excuse me for being late.
                Thank you ขอบคุณ ส่วนใหญ่ชาวต่างชาติคิดว่าคนไทยไม่ค่อยใช้คำว่า thank you แต่คนไทยแสดงการขอบคุณด้วยการยิ้มหรือพยักหน้า แต่ในสังคมของฝรั่งนิยมใช้การขอบคุณด้วยคำพูด (verbal) ถ้าเราอยากขอบคุณชาวต่างชาติ อาจจะพูดว่า thanks, thank you หรือ thank you very much แต่หากเราอยากขอบคุณเพื่อนหรือคนกันเองที่ไม่เป็นทางการ เราอาจใช้ thanks หรือเราอยากขอบคุณเป็นทางการใช้คำว่า thank you และ thank you very much แปลว่า ขอบคุณมากๆ จะสุภาพที่สุด โดยมีโครงสร้างการใช้ที่บ่อยๆ คือ thank you + noun หรือ + V.ing (ขอบคุณสำหรับ) โดยคำว่าขอบคุณภาษาอังกฤษนั้นมีรูปแบบการเขียนที่เรานั้นสามารถเขียนได้หลากหลายรูปแบบ
เมื่อชาวต่างชาติเข้ามาขอบคุณเราเราต้องตอบรับแบบสุภาพ การตอบรับคำขอบคุณมีหลากหลายรูปแบบ เช่น You’re welcome. ไม่เป็นไร (เป็นทางการ) That’s all right. or That’s OK.  ไม่เป็นไร (ไม่เป็นทางการ)  หากเราต้องการตอบรับแบบเป็นกันเองกับเพื่อน อาจใช้คำว่า No problem. Never mind. Don’t mention it. และ Not at all. บางสถานการณ์ฝรั่งยื่นเค้กไปให้และถามว่า Would you like some cake? (รับเค้กไหมครับ) เราต้องตอบรับแบบสุภาพแสดงทั้งสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงอย่างสุภาพ ว่า No, thank you. (ไม่เอาค่ะ ขอบคุณ)  ถ้าเราจะรับเราจะพูดว่าอย่างไรต้องไปดูในคำที่สาม
Please เป็นการขอร้อง การตอบรับแบบสุภาพคำต่อไปคือคำว่า yes, please รับค่ะ/รับครับ แต่ Please (กรุณา) ในภาษาอังกฤษจะวางไว้ข้างหน้าหรือข้างหลังก็ได้ แต่ถ้าวางข้างหลังจะมีความสุภาพกว่า เปรียบเสมือนกับคำว่าครับหรือค่ะในภาษาไทย ตัวอย่างเช่น หากเราเชิญให้ฝรั่งนั่งอาจพูดว่า Take a seat, please. (เชิญนั่งค่ะ) หรือ บอกฝรั่งให้กรอกแบบฟอร์ม พูดว่า Fill in the form please. (ช่วยกรอกแบบฟอร์มให้หน่อย) บอกฝรั่งให้รอสักครู่ พูดว่า Just a moment, please. (กรุณารอสักครู่นะ) หากคุณต้องการขอร้องสิ่งใดกับฝรั่งให้คุณพูดคำว่า Please ต่อท้ายประโยคที่คุณพูดทุกครั้งจะทำให้ประโยคขอคุณดูสุภาพมากยิ่งขึ้น
Sorry (ขอโทษ) ใช้เมื่อทำให้คนอื่นเดือดร้อน คำที่นิยมใช้มากๆได้แก่ I’m sorry. ฉันขอโทษ เช่น เราไปเหยียบเท้าฝรั่ง ฝรั่งร้องโอ๊ยๆ และเราต้องบอกฝรั่งโดยห้ามยิ้ม เราควรจะพูดว่า I’m so sorry. (ฉันขอโทษจริงๆนะ) หรือในทางกลับกันฝรั่งมาเหยียบเท้าเรา ฝรั่งพูดว่า I’m so sorry. คนไทยควรตอบรับว่า That’s all right. , That’s OK. , No problem. หรือ No worries. บางครั้งเราไปสาย เราพูดว่า I’m sorry, I’m late. (ขอโทษที่มาสายค่ะ) และบอกเหตุผลเพิ่มเติมด้วย เช่น The traffic is bad. (รถติดมาก) ให้เหตุผลเพื่อทำให้เราดูน่าเชื่อถือว่าเราเสียใจจริงๆ อีกหนึ่งเรื่องที่แสดงความสุภาพ คือ sorry to interrupt. (ขอโทษที่ขัดจังหวะ) ใช้ในการเข้ามาขัดจังหวะ เช่น sorry to interrupt, there is a fire in the toilet. (ขอโทษที่ขัดจังหวะมีไฟไหม้ที่ห้องน้ำค่ะ)
Sorry ใช้เมื่อแสดงความเสียใจ (ข่าวร้าย) เช่น หากเราเห็นฝรั่งที่สนิทเดินมาหน้าเศร้า เราเข้าไปถามว่า What happened? Why do you look so sad today? (เกิดอะไรขึ้นทำไมคุณดูเศร้าๆจัง My fish died last night. (ปลาหมอสีของฉันตายเมื่อคืน) และเราควรตอบกลับไปว่า I’m sorry to hear that. (ฉันเสียใจด้วยกับเรื่องที่ได้ยิน) และทำหน้าแบบเศร้าจริงๆ หรือถ้าเราไปร่วมงานศพของฝรั่ง เราควรเดินเข้าไปทำหน้าเศร้าๆและพูดว่า I’m sorry about your father. (ขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณพ่อด้วย) และ Sorry ใช้เมื่อรู้สึกสงสาร เช่น I feel sorry for… (ฉันรู้สึกสงสาร) ตัวอย่างสถานการณ์เช่น ขณะที่เรานั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง และมีช้างเดินผ่าน  เราก็รู้สึกสงสารช้าง เราจะพูดว่า I feel sorry for the elephant. (ฉันสงสารช้างจังเลย)
 วันที่ 26-28 กันยายน 2558 ข้าพเจ้าได้ฝึกทักษะการฟัง เรื่อง Health ผ่านเว็บไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=JtiRdhWBkVO ในภาษาอังกฤษ คำว่า สุขภาพ คือ Health เป็นคำนาม และ Healthy เป็นคำคุณศัพท์แปลว่า ซึ่งมีสุขภาพดี เราควรฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง และคลิปนี้เกี่ยวกับการพูดถึงสิ่งใกล้ตัวมากๆ คือ สุขภาพ เริ่มจากคำแรกเลย คือ sick (ไม่สบาย) sickness (อาการไม่สบาย) เช่น I am sick. (ฉันไม่สบาย) และยังมีอาการป่วยต่างๆอีก เช่น I am airsick. (ฉันเมาเครื่องบิน) I am seasick. (ฉันเมาเรือ) และ sick นอกจากแปลว่าป่วย สามารถแปลว่า แพ้ เช่น I have morning sickness. (ฉันแพ้ท้อง) หรือคำว่า sick อาจจะแปลว่า เอือมระอา เช่น I am sick of English. (ฉันเบื่อภาษาอังกฤษ)
นอกจากใช้คำว่า sick เมื่อเราไม่สบายแล้ว ill ก็เป็นอีกคำที่สามารถใช้บอกอาการไม่สบายต่างๆได้ เช่น ถ้าจะบอกว่าฉันเป็นหวัด พูดว่า I have a cold. I have a running nose. ฉันมีน้ำมูกไหล ตัวอย่างสถานการณ์ หากเราไม่สบายต้องไปซื้อยาที่ร้านขายยา (pharmacy) และเภสัชกร (pharmacist) ต้องการถามอาการเราว่าเป็นอะไรครับ What is wrong? และเราต้องการบอกอาการว่าเจ็บคอต้องพูดว่า I have a sore throat. มีอาการไข้ต้องบอกว่า I have fever. มีอาการไอด้วย ควรพูดว่า I have a cough. อาการไข้ที่เราพบบ่อยอีกอย่างหนึ่งคือ ไข้เลือดออก dengue fever และอาการไข้ทั้งหมดเหล่านี้เรียกว่า I have the flu. ฉันเป็นไข้ 
หากเรามีอาการปวด เราจะนึกถึงคำว่า ache แปลว่า ความปวด ถ้าฝรั่งจะบอกเราว่ามีอาการปวดและเจ็บ จะพูดว่า I have aches and pains. และอาการปวดมีหลายคำมาก เช่น I have a headache. (ฉันปวดหัว)  I have a big headache. (ฉันปวดหัวมาก) I have an earache. (ฉันปวดหู) I have a backache. (ฉันปวดหลัง) I have a toothache. (ฉันปวดฟัน) You see the dentist because you have a toothache. (คุณไปหาหมอเพราะคุณปวดฟัน) you have a toothache because you have a cavity. (คุณปวดฟัน เพราะมีฟันผุ)  ถ้าเราปวดท้อง จะพูดว่า I have a stomachache. หากเราปวดท้องประจำเดือน จะพูดว่า I have a period pain. และต้องการไปซื้อผ้าอนามัย เรียกว่า sanitary napkin การปวดท้องทั่วไป อาจจะหมายถึง ท้องเสีย เรียกว่า I have big diarrhea. ฉันท้องเสียมาก และหากเราต้องอาเจียน เรียกว่า I have to vomit. มีสำนวนอาเจียนว่า throw up อาการปวดท้องอีกอย่าง คือ โรคกระเพาะ I have an ulcer. ฉันเป็นโรคกระเพาะ
อาการแพ้ เช่นการแพ้อาหาร บางคนแพ้อาหารทะเล บอกฝรั่งว่า I am allergic to seafood. ต่อไปคือเรื่องของเลือด (blood)  เลือดไหล (bleed) ถ้าเราต้องการบอกฝรั่งว่าฉันเลือดไหล พูดว่า I’m bleeding. หากเรามีแผลอย่างเดียวไม่มีเลือด เรียกว่า I have a cut. ฉันมีแผลที่นิ้วมือ I have a cut on my finger. สำหรับผู้สูงอายุจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า I have high blood pressure. และบางคนจะมีอาการต่อไปคือ โรคเบาหวาน I am diabetes. ฉันเป็นโรคเบาหวาน
ยา การกินยาในภาษาอังกฤษใช้คำว่า take ไม่ใช่ eat เช่น take your medicine. กินยา ในชีวิตประจำวันเราสามารถพบยาหลายประเภท เช่น ยาน้ำแก้ไอ cough syrup ถ้าหากเป็นยาเม็ดเราจะเรียกว่า pills ยาเม็ด มีสองประเภทหลักๆ คือ capsule กับ tablet และฝรั่งเรียกยาแก้ปวดว่า painkiller ไม่ใช่เทลินอล ยาก่อนอาหาร before meal หลังอาหาร after meal
สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ในสัปดาห์นี้คือ การทักทายที่สุภาพ การขอโทษอย่างไรให้ดูน่าเชื่อถือ การใช้ขอบคุณให้เหมาะกับฝรั่ง และรูปแบบและคำศัพท์ในการใช้คำที่ถูกต้องในภาษาอังกฤษ  เพราะบางคำคนไทยยังใช้ผิดๆ เนื่องจากการเรียกทับศัพท์ยี่ห้อมาบ้าง บ้างก็เรียกกันผิดๆ และเมื่อเราจะนำไปพูดกับชาวต่างชาติทำให้ไม่เข้าใจ สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง และรูปแบบการขอโทษแบบฝรั่ง คือการขอโทษด้วยคำพูดและแสดงสีหน้าด้วยความรู้สึกอยากขอโทษจริงๆ การขอบคุณก็เช่นกันควรแสดงความรู้สึกและน้ำเสียงที่สอดคล้องกับคำพูด มารยาทต่างๆเหล่านี้สามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ในชีวิตประจำวันได้